รู้จักกับชุดขับเคลื่อนจาก SHIMANO

นอกจากเฟรมแล้วชุดขับก็เป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญที่ส่งผลต่อ Performance ของจักรยาน ซึ่งชุดขับแต่ละตัวก็มีจุดเด่นและความเหมาะสมในการใช้งานแตกต่างกันไป แน่นอนว่าชุดขับรุ่นที่สูงกว่าก็ย่อมมีเทคโนโลโลยีที่ดีกว่า แต่เมื่อลองเทียบกันดูแล้วชุดขับของ SHIMANO แต่ละซีรีย์นั้นมีเทคโนโลยีการขับเคลื่อนไม่แตกต่างกันมากนัก จุดที่ทำให้ชุดขับแต่ละตัวต่างกันมากที่สุดจึงเป็นเรื่องของวัสดุที่ใช้ในการผลิต และวิธีการผลิตชิ้นส่วนต่างๆ ซึ่งส่งผลต่อน้ำหนักและความสวยงาม รวมถึงราคาของชุดขับด้วย

ในการเลือกซื้อชุดขับนั้นนอกจากงบประมาณแล้วเราควรดูถึงสไตล์การปั่น ลักษณะเส้นทาง หรือก็คือการนำไปใช้งานให้เหมาะสมด้วย โดยทางเราได้รวบรวมเป็นตารางเปรียบเทียบอย่างง่ายเอาไว้แล้ว

ยกตัวอย่างเช่น ในชุดขับเสือหมอบที่เน้นความเบาและความรวดเร็ว ตัวเริ่มต้นอย่าง Claris ชิ้นส่วนเกือบทั้งหมดผลิตจากโลหะ เก็บงานแบบเรียบง่าย เมื่อเทียบกับ DURA-ACE ที่เป็นตัวท็อปซึ่ง จะใช้วัสดุหลากหลายชนิดผสมผสานกัน เช่นคาร์บอนไฟเบอร์ ไทเทเนียม และอัลลอย รวมถึงเก็บงานชิ้นส่วนอย่างปราณีต ผ่านกระบวนการกันสนิมอย่างดี จึงมีทั้งน้ำหนักที่เบากว่า และหน้าตาความสวยงามที่ดูหรูหรากว่าอีกด้วย

เช่นกันในฝั่งของชุดขับเสือภูเขาที่เน้นความทนทาน วัสดุของชุดขับตัวเริ่มต้นอย่าง ALTUS ก็จะไม่แข็งแรงเท่าตัวท็อปอย่าง XTR หรือเทียบง่ายๆในเรนจ์เริ่มต้นด้วยกัน ALIVIO จะแข็งแรงที่สุด ปั่นลุยได้มากที่สุด รองลงมาเป็น ACERA และ ALTUS ตามลำดับ แต่ก็ยังไม่สามารถปั่นลุยในทางขรุขระหรือทางที่มีอุปสรรคได้มากเท่ากับชุดขับรุ่นสูงๆอยู่ดี เพราะวัสดุไม่สามารถรองรับแรงกระแทกได้มากเท่า

มาทำความรู้จักชุดขับแต่ละตัวให้มากขึ้นไปอีกนิดกันครับ

Claris

ชุดขับเสือหมอบ 8 Speed เป็นชุดขับตัวเริ่มต้นที่มักถูกประกอบขายมาพร้อมรถจักรยานระดับเริ่มต้น ชิ้นส่วนทำจากโลหะเป็นหลักจึงมีน้ำหนักค่อนข้างมาก เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นปั่น

SORA

ขยับสูงขึ้นมาอีกหน่อยเป็นชุดขับ 9 Speed SORA เป็นอีกรุ่นที่ผู้ผลิตจักรยานเลือกใช้ประกอบรถระดับเริ่มต้นเช่นกัน วัสดุที่ใช้ในการผลิตมีความทนทานมากขึ้น นิยมติดตั้งในจักรยานประเภททัวร์ริ่ง คือกลุ่มที่ประกอบรถจักรยานเพื่อใช้ปั่นเที่ยวหรือที่ต้องแบบสัมภาระ และรถไฮบริด

Tiagra

ชุดขับ 10 Speed แข็งแรงทนทานที่สุดในชุดขับเรนจ์เริ่มต้นของจักรยานเสือหมอบ ให้ Performance ระดับกลาง สามารถใช้งานทั่วไปได้เป็นอย่างดี เป็นด่านสุดท้ายก่อนจะผ่านเข้าไปสู่ชุดขับระดับใช้เพื่อการแข่งขัน

SHIMANO 105

ชุดขับที่ขึ้นชื่อว่าคุ้มค่าที่สุดจาก SHIMANO ด้วยชิ้นส่วนที่ทำจากเหล็กและอลูมิเนียมเป็นหลักจึงมีความทนทางสูง ไม่แตกหักง่าย น้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างเบา เกียร์ 11 Speed มี Performance ดีเพียงพอให้นำไปใช้เพื่อลงแข่งขัน มาพร้อมกับราคาที่จับต้องได้ จึงขึ้นแท่นเป็นชุดขับแนะนำสำหรับใครที่เริ่มอยากปั่นเสือหมอบแบบจริงจัง

ราคาชุดขับ SHIMANO 105 R700 (Rim Brakes): 17,200 บาท

ULTEGRA

ชุดขับ 11 Speed ตัวรองท็อปที่ยอดเยี่ยมทั้ง Performance และการเก็บงาน มีการนำคาร์บอนเข้ามาใช้เป็นวัสดุบางชิ้นส่วน จึงมีน้ำหนักเบากว่า 105 และหนักกว่า DURA-ACE เพียงเล็กน้อยเท่านั้น สามารถนำไปใช้แข่งขันเน้นทำความเร็วได้ทั้ง TIME TRIAL และไตรกีฬา

ราคาชุดขับ ULTEGRA R8000 (Rim Brakes): 24,500 บาท
ราคาชุดขับ ULTEGRA R8000 (Disc Brakes): 29,900 บาท

DURA-ACE

ชุดขับตัวท็อป 11 Speed จาก SHIMANO มีความพรีเมียมทั้งวัสดุ การเก็บรายละเอียดชิ้นงาน และให้ Performance ยอดเยี่ยม ชิ้นส่วนผลิตจากวัสดุหลายชนิดเพื่อให้มีน้ำหนักเบาที่สุดโดยไม่สูญเสียความแข็งแรง ทนทานต่อสภาพอากาศ ไม่เป็นสนิมง่าย แต่ละชิ้นส่วนเก็บงานปราณีตเรียบร้อยดูหรูหราสวยงาม สามารถนำไปประกอบจักรยานเพื่อแข่งขันได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะการแข่งทั่วไปหรือแข่งทำความเร็วก็ไว้วางใจได้

ราคาชุดขับ DURA-ACE R9100 (Rim Brakes): 48,000 บาท

ALTUS / ACERA / ALIVIO

ชุดขับ 9 Speed เรนจ์เริ่มต้นของจักรยานเสือภูเขา เป็นชุดขับที่ผู้ผลิตรถจักรยานเลือกนำไปประกอบรถระดับเริ่มต้นขายสู่ตลาด ชิ้นส่วนทำจากโลหะเป็นหลัก สามารถใช้ปั่นในเส้นทาง cross country คือเส้นทางที่ไม่ใช่ถนนเรียบแต่ไม่ถึงกับวิบากมากได้ ความทนทานตามระดับราคาคือ ALIVIO > ACERA > ALTUS หรือก็คือ ALIVIO สามารถใช้ลุยทางที่วิบากได้มากกว่า ALTUS นั่นเอง

DEORE

อีกหนึ่งชุดขับเสือภูเขาที่คุ้มค่าที่สุดจาก SHIMANO มีให้เลือกตั้งแต่ 10 Speed / 11 Speed / 12 Speed ตามงบประมาณและการใช้งาน วัสดุทนทานเพราะทำจากโลหะ แข็งแรงพอที่จะรับแรงกระแทกได้ทั้งการลุยทาง trail และ enduro จึงได้ขึ้นแท่นเป็นอีกหนึ่งชุดขับแนะนำด้วยราคาที่จับต้องได้

ราคาชุดขับ DEORE M5100 1×11: 5,550 บาท
ราคาชุดขับ DEORE M6100 1×12: 7,200 บาท

SLX

เป็นชุดขับที่ใกล้เคียงกับรุ่นพี่อย่าง XT มากๆ ด้วยฟังก์ชั่นที่น้อยกว่านิดหน่อย และน้ำหนักที่มากกว่าเล็กน้อย จึงเป็นชุดขับ 12 Speed ที่ขึ้นชื่อว่าให้ Performance ดีเยี่ยมในราคาเป็นมิตร

ราคาชุดขับ SLX (ไม่รวม Disc Brakes) 1×12: 8,600 บาท
ราคาชุดขับ SLX (รวม Disc Brakes) 1×12: 14,600 บาท

ราคาชุดขับ SLX (ไม่รวม Disc Brakes) 2×12: 9,700 บาท
ราคาชุดขับ SLX (รวม Disc Brakes) 2×12: 15,900 บาท

XT

เป็นชุดขับที่จะเรียกว่าเป็นตัวอัพเกรดของ SLX ก็อาจจะไม่ผิดนัก ด้วยวัสดุที่มีส่วนผสมของเหล็กในปริมาณน้อยกว่าจึงมีน้ำหนักเบากว่า บวกกับเทคโนโลยีที่ใหม่และฟังก์ชั่นมากกว่า ทำให้ XT เป็นชุดขับ 12 Speed ที่มี Performance ยอดเยี่ยมจนขึ้นมาเป็นตัวรองท็อปได้

ราคาชุดขับ XT (ไม่รวม Disc Brakes) 1×12: 13,400 บาท
ราคาชุดขับ XT (รวม Disc Brakes) 1×12: 20,300 บาท

ราคาชุดขับ XT (ไม่รวม Disc Brakes) 2×12: 15,300 บาท
ราคาชุดขับ XT (รวม Disc Brakes) 2×12: 22,200 บาท

XTR

ชุดขับ 12 Speed ตัวท็อป เรียกได้ว่าเป็นชุดขับเสือภูเขาที่ดีที่สุดจาก SHIMANO มีการเลือกใช้วัสดุที่หลากหลายในการผลิต ไม่ว่าจะเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ อลูมิเนียมอัลลอย ไทเทเนียม มีกระบวนการผลิตและการเก็บงานที่ละเอียดปราณีต จึงมีทั้งน้ำหนักที่เบาและลุคที่ดูหรูหราพรีเมียมอย่างมาก แข็งแรงทนทานต่อทั้งการใช้งานและสภาพแวดล้อม มี Performance ยอดเยี่ยม ให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในทุกสไตล์การปั่น

ราคาชุดขับ XTR (ไม่รวม Disc Brakes) 1×12: 32,400 บาท
ราคาชุดขับ XTR (รวม Disc Brakes) 1×12: 48,200 บาท

ราคาชุดขับ XTR (ไม่รวม Disc Brakes) 2×12: 38,700 บาท
ราคาชุดขับ XTR (รวม Disc Brakes) 2×12: 54,500 บาท


สั่งซื้อ สอบถามเพิ่มเติม หรือใช้บริการ service ได้ที่: https://hahhong.com/dealer/

รู้จักกับชุดขับเคลื่อนจาก SHIMANO2021-05-11T10:54:43+07:00

ทำไมต้องเป็น Boost?

เบาะ Boost สำหรับ Selle Italia คือเบาะที่ออกแบบมาให้มีปลายเบาะสั้นลง ซึ่งไม่ไช่แค่การออกแบบมาตามความนิยมของตลาดนักปั่น แต่ที่จริงแล้วยังถูกพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นในด้านของ Preformance และรูปทรงที่รองรับสรีระได้มากขึ้นอกด้วย

Selle Italia Boost มีเทคโนโลยีและฟีเจอร์อะไรเพิ่มเติมมาบ้าง มาดูกันครับ

มั่นคงมากกว่า

ในทุกรุ่นของเบาะปลายสั้น ด้วยรูปทรงที่สั้นลง จึงนำมาซึ่งประโยชน์ในแง่ของด้านความสบาย การปรับตัวในการนั่งที่มั่นคง ทำให้ในขณะปั่นควงขาได้ดีมากยิ่งขึ้น

หาตำแหน่งการนั่งได้ง่าย

เบาะในโมเดล Boost จะช่วยให้นักปั่นปรับตำแหน่งการนั่งที่ถูกต้องได้ง่ายขึ้นในขณะกำลังปั่น นอกจากนี้ ด้วยรูปทรงของเบาะที่มีขนาดลดลง จึงทำให้ผู้ปั่นจัดตำแหน่งในการนั่งได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ลดการเคลื่อนตัวในขณะที่ปั่น ให้ความ stiff ที่มากกว่า

การออกแบบที่ทันสมัยและกระทัดรัด

เบาะโมเดล Boost มีขนาดความยาวของเบาะมากที่สุด อยู่ระหว่าง 245 mm – 255 mm ซึ่งมีความยาวลดลงจากเบาะรุ่นที่ผ่านมา 20 mm – 40 mm (ขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่น) จึงทำให้เบาะดูกระทัดรัดมากยิ่งขึ้น และในแต่ละรุ่นเองก็ได้มีการออกแบบที่ทันสมัยและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของรุ่นนั้นๆ ทำให้สามารถแยกแยะรุ่นของเบาะได้อย่างชัดเจน

เบาะ Selle Italia รุ่น Boost มีให้เลือกหลายหลาก และทุกรุ่น ยังมีรางถึง 3 แบบ (แมงกานีส/ไทเทเนี่ยม/คาร์บอน) รวมถึงรุ่นที่ไม่มีร่องตรงกลาง และรุ่น Superflow ที่มีร่องตรงกลาง นอกจากนี้ในแต่ละรุ่นแต่ละแบบยังมีขนาดให้เลือกอีก 2 ขนาด ได้แก่ S3 และ L3 เรียกได้ว่าไม่ว่าคุณจะต้องการเบาะแบบไหน Selle Italia ก็มีตัวเลือกรองรับความต้องการของคุณแน่นอนครับ

เบาะรุ่น Boost ทั้งหมด

NOVUS BOOST

  • Novus Boost TM Superflow = 2,530.-
  • Novus Boost Superflow = 5,180.-
  • Novus Boost Kit Carbonio Superflow = 7,260.-
  • Novus Boost Graval Tech Superflow = 5,520.-
  • Novus Boost Heritage Superflow =5,520.-

SP-01 BOOST

  • SP-01 Boost TM Superflow = 2,700.-
  • SP-01 Boost Superflow = 5,400.-
  • SP-01 Boost Kit Carbonio Superflow =7,900.-

SLR BOOST

  • SLR Boost TM = 2,900.-
  • SLR Boost TM Superflow = 3,500.-
  • SLR Boost = 4,700.-
  • SLR Boost Superflow = 5,600.-
  • SLR Boost Lady Superflow = 4,100.-
  • SLR Boost Kit Carbonio = 6,500.-
  • SLR Boost Kit Carbonio Superflow = 7,900.-

FLITE BOOST (สินค้าเข้าไทยเร็วๆนี้)


สั่งซื้อออนไลน์ได้ที่: Selle Italia Thailand on Shopee
ค้นหาตัวแทนจำหน่ายใกล้คุณ: hahhong.com/dealer
ติดตามข่าวสารและโปรโมชั่นเพิ่มเติม: Selle Italia by Hah Hong 

Hah Hong Selle Italia #enjoyouride #Boost

ทำไมต้องเป็น Boost?2020-08-13T11:08:29+07:00

ทำไมต้องใช้รองเท้าคลีท?

“เขาว่ากันว่าหากต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการปั่น การซื้อรองเท้าคลีทมาใช้เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด”

เมื่อปั่นจนคุ้นเคยก็เริ่มมีเสียงแว่วมาเข้าหูว่าให้เปลี่ยนไปใช้รองเท้าคลีทสิ ลองใส่รองเท้าคลีทดูสิ แล้วการปั่นของคุณจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป… ก็ได้ยินแต่เขาบอกกันว่าดี แต่จะจริงหรือเปล่า แล้วดีอย่างไร วันนี้เรามาไขข้อสงสัยกันว่าทำไมถึงต้องเป็น “รองเท้าคลีท”

Q : รองเท้าคลีทต่างกับรองเท้าประเภทอื่นอย่างไร?

A : รองเท้าคลีทมีพื้นรองเท้าที่แข็งกว่ารองเท้าผ้าใบหรือรองเท้าประเภทอื่น เพื่อช่วยให้การส่งแรงกดของขาไปยังบันไดนั้นเต็มประสิทธิภาพ เนื่องจากรองเท้ากีฬาทั่วไปจะมีพื้นค่อนข้างนุ่มเพื่อรองรับแรงกระแทก แต่เมื่อนำไปใช้ปั่นจักรยาน พื้นรองเท้าที่นุ่มนั้นจะดูดซับแรงกดของเราไปด้วย ทำให้ส่งแรงไปยังบันไดได้ไม่เต็มที่ แถมยังเสี่ยงต่อการโดนบันไดกดจนพื้นรองเท้าเป็นรอยเสียหาย รองเท้าคลีทจะมีที่ติดตั้งคลีทเพื่อล็อคเท้าของเรากับบันไดจักรยานจึงไม่มีปัญหา

Q : คลีทคืออะไร?

A : แผ่นที่ใช้ติดใต้รองเท้าเพื่อล็อคเท้าของเรากับบันไดจักรยาน ต้องใช้คู่กับบันไดที่มีตัวล็อคคลีท หรือที่เรียกว่าบันไดคลิปเลส(Clipless)

Q : รองเท้าคลีทช่วยในการปั่นอย่างไร?

A : หน้าที่หลักของคลีทคือช่วยล็อคเท้าของเราให้ติดกับบันได้ ซึ่งช่วยในการปั่นได้ดังนี้

ปกติแล้วในการปั่น เราจะสามารถออกแรงกดบันไดได้อย่างเดียว สลับข้างซ้ายขวากันไป ทำให้ใช้แรงได้ไม่เต็มที่ แต่เมื่อเราใช้รองเท้าคลีทและล็อคเท้าของเราติดกับบันได จะทำให้สามารถออกแรงดึงบันไดเพิ่มขึ้นได้อีกทาง ทำให้สามารถควงขาได้เต็มรอบ คือขาข้างหนึ่งกดบันไดลง ส่วนขาอีกข้างดึงบันไดขึ้น ใช้แรงที่ส่งออกไปยังบันไดให้เกิดประสิทธิภาพได้สูงสุด

เมื่อเปลี่ยนการออกแรงจากกดบันไดอย่างเดียวเป็นทั้งกดและดึง ทำให้ได้ใช้กล้ามเนื้อมากขึ้น จากการกดบันไดที่ใช้เพียงกล้ามเนื้อส่วนหน้าของขา คือกล้ามเนื้อบริเวณหน้าขาส่วนต้นขา หัวเข่า และข้อเท้า เมื่อเราได้ออกแรงดึงบันไดเพิ่มขึ้น จะทำให้ได้ใช้กล้ามเนื้อส่วนหลังของขาด้วย คือกล้ามเนื้อบริเวณสะโพก กล้ามเนื้อต้นขาส่วนหลัง และน่อง ซึ่งการใช้กล้ามเนื้อหลายส่วนในการออกแรงควงขานี้เป็นการช่วยแบ่งเบาภาระของกล้ามเนื้อ ทำให้ขาล้าช้าลง จึงสามารถปั่นได้นานขึ้น ไกลขึ้น และสนุกยิ่งขึ้น
นอกจากการทำงานของกล้ามเนื้อแล้ว ตำแหน่งในการวางเท้าเองก็มีผลต่อการส่งแรงไปยังบันได โดยตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุดในการวางเท้าบนบันไดเพื่อให้สามารถส่งแรงขาได้เต็มประสิทธิภาพ คือตำแหน่งกึ่งกลางระหว่างกระดูกนิ้วโป้งเท้ากับนิ้วก้อยเท้า และเจ้าคลีทนี่เองที่จะช่วยล็อคให้เท้าเราอยู่ในตำแหน่งที่ส่งแรงไปยังบันไดได้ดีที่สุดตลอดการปั่น
นอกจากเพิ่มประสิทธิภาพในการปั่นแล้ว การล็อคเท้าไว้กับบันไดยังสามารถช่วยลดอุบัติเหตุโดนบันไดฟาดจากอาการขาวืด หรือการที่เท้าเลื่อนหลุดออกจากบันไดเมื่อยืนปั่นหรือออกแรงกดบันไดมากๆ รวมถึงป้องกันไม่ให้รองเท้าสีกับขาจานจนเป็นรอยอีกด้วย

Q : เลือกรองเท้าคลีทอย่างไรดี?

A : รองเท้าคลีทเองก็ถูกแบ่งออกเป็นหลายประเภทตามลักษณะการปั่นเช่นเดียวกับจักรยาน โดยควรเลือกสวมใส่รองเท้าที่เหมาะกับการใช้งาน แต่ข้อที่สำคัญที่สุดก็คือต้องใส่สบาย การซื้อรองเท้าคลีทสักคู่จึงควรไปจับไปลองสวมรองเท้าจริงๆ เพราะบางทีรองเท้าที่เรามองว่าดีไซน์สวยงาม อาจไม่ได้เข้ากันกับทรงเท้าของเราก็ได้

อีกข้อสังเกตหนึ่งในการเลือกรองเท้าคลีทคือค่า Stiff หรือ Stiffness หมายถึงค่าความแข็งของพื้นรองเท้า โดยยิ่งมีค่า Siff สูงมากหมายถึงพื้นยิ่งแข็งมาก ซึ่งพื้นแข็งๆนี้เองที่ช่วยให้ส่งแรงได้ดีมากยิ่งขึ้น

Q : รองเท้าคลีทแต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร?

A :
รองเท้าคลีทเสือหมอบและรองเท้าไตรกีฬา
มีพื้นรองเท้าแข็งกว่ารองเท้าคลีทประเภทเสือภูเขา รวมถึงมีแผ่นคลีทที่ใหญ่กว่า เพื่อใช้ในการส่งแรงไปยังบันไดให้ได้มากที่สุด ล็อคเท้ากับบันไดได้แน่นกว่า มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำความเร็ว มีข้อเสียคือเดินลำบากเนื่องจากพื้นค่อนข้างลื่น เรียกได้ว่าเป็นรองเท้าที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ปั่นจักรยานโดยเฉพาะ
รองเท้าคลีทเสือภูเขา
มีพื้นรองเท้าอ่อนกว่ารองเท้าคลีทประเภทเสือหมอบ แต่ก็ยังแข็งกว่ารองเท้าผ้าใบทั่วไป รวมถึงมีแผ่นคลีทที่เล็กกว่า ความแข็งของสปริงที่ล็อคเท้ากับบันได เมื่อเทียบกับรองเท้าเสือหมอบจะสามารถถอดและใส่ได้คล่องตัวกว่า รวมถึงมีสันรอบตัวคลีทเพื่อป้องกันไม่ให้แผ่นคลีทครูดกับพื้นเวลาเดิน เมื่อลงจากจักรยานแล้วสามารถเดินได้สะดวกกว่า ตามลักษณะการปั่นของเสือภูเขาที่ต้องเข้าป่าลุยดินลุยโคลนขึ้นเขาเขาลงเนิน จึงเน้นความคล่องตัวมากกว่าการทำความเร็ว

รองเท้าระดับ Mid-Range จาก SHIMANO

ผลิตจากวัสดุหนังซินเทติคระบายอากาศได้ดี มาพร้อมเทคโนโลยี SHIMANO Dynalast ที่ออกแบบมาให้รองรับเท้าได้ทุกรูปแบบ ให้ Performance ใกล้เคียงกับรุ่นท็อปที่ใช้ในการแข่งขัน มาพร้อมปุ่ม BOA L6 ช่วยให้ปรับกระชับได้ละเอียดและง่ายดาย รวมถึงมีรุ่นผู้หญิงโดยเฉพาะ ที่ออกแบบมาให้รองรับเข้าสรีระเท้าของผู้หญิงได้มากกว่

  • รองเท้า RC500 และ RC500 WOMEN ราคา 4,200 บาท
  • รองเท้า XC501 และ XC501 WOMEN ราคา 4,400 บาท
รองเท้าระดับ Racing จาก SHIMANO
ผลิตจากวัสดุหนังซินเทติคระบายอากาศได้ดี มาพร้อมเทคโนโลยี SHIMANO Dynalast ที่ออกแบบมาให้รองรับเท้าได้ทุกรูปแบบ ให้ Performance ระดับ Top-End รวมถึงหน้ารองเท้าที่กว้างกว่า ใส่สบายยิ่งขึ้น ส่วนอุปกรณ์ปรับกระชับของรุ่น TR901 สำหรับแข่งไตรกีฬาเป็นสาย Quick Straps ใส่ง่ายถอดง่าย รุ่น RC701 และ XC701 มาพร้อม BOA L6 2 ปุ่มที่ช่วยให้ปรับกระชับได้ละเอียดยิ่งกว่า ส่วนตัวท็อปสุดอย่าง XC901 มี BOA IP1 ถึง 2 ปุ่ม ซึ่งปรับกระชับได้ละเอียดและง่ายที่สุด
  • รองเท้า TR901 ราคา 6,900 บาท
  • รองเท้า RC701 ราคา 6,500 บาท
  • รองเท้า XC701 ราคา 6,500 บาท
  • รองเท้า XC901 ราคา 11,500 บาท

ค้นหาร้านค้าตัวแทนจำหน่ายใกล้ท่านได้ที่: https://hahhong.com/dealer/

ทำไมต้องใช้รองเท้าคลีท?2020-07-15T14:59:27+07:00

M5100/M6100 SERIES: มีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง?

ชุดขับ DEORE M6100 12-Speed เเละ M5100 11-Speed น้องใหม่ในครอบครัว Shimano MTB มีอะไรที่พัฒนาจากรุ่นที่แล้วบ้างเเละมีเทคโนโลยีอะไรที่เพิ่มขึ้นมา เรามาดูแต่ละชิ้นส่วนกันเลย

เกียร์ที่กว้างมากขึ้น

เริ่มจากจำนวนเกียร์ที่กว้างขึ้นจาก 10 Speed ไปเป็น 12 Speed (M6100) ที่เข้ามาเติมเต็ม Shimano MTB 12 Speed ได้อย่างสมบูรณ์ DEORE เป็นชุดขับ 12 Speed ตัวเริ่มต้นที่ให้คุณได้สัมผัสเทคโนโลยีที่ดีที่สุดจาก SHIMANO อีกทั้ง Deore ใหม่ก็ยังพัฒนา 11 Speed ใหม่ (M5100)อีกด้วย

ระบบเกียร์ใหม่

ระบบเกียร์ใหม่ที่เปลี่ยนใหม่จาก Hyperglide ไปยัง Hyperglide+ ที่จะทำให้การทำงานของระบบเกียร์นั้นนิ่งขึ้นในการเปลี่ยนเกียร์ทั้งขึ้นและลง

ระบบ Hyperglide+ ที่มีอยู่ใน XTR XT SLX ได้ลงมาอยู่ในระบบเกียร์ใหม่ของ Deore 12 Speed ด้วย นั่นทำให้ Deore เป็นชุดเกียร์ตัวเริ่มต้นที่ใช้เทคโนโลยีเดียวกันกับทุก series ของ 12 Speed มีการทำงานที่รวดเร็วขึ้น นิ่งมากขึ้น ทำให้การปั่นของเราสนุกและมี Performance ที่ดีมากขึ้น

เฟืองหลังที่กว้างขึ้น

เฟืองใหม่ CS-M6100 12 Speed 10-51T ให้ระยะเกียร์ที่กว้างยิ่งขึ้น ตอบโจทย์ในทุกเส้นทางมีโครงสร้างแบบ Beam spider ช่วยลดน้ำหนักลงและให้ความ stiff ที่ดี และ เฟืองหลัง 11-51 ใช้งานควบคู่กับจานหน้าใบเดี่ยวแบบ 1×11 Speed และ 11-42 ใช้งานคู่กับจาน2ชั้น แบบ 2×11 Speed

ราคาเฟือง 10-51T 2,390 บาท 12 Speed
ราคาเฟือง 11-51T 1,760 บาท 11 Speed

ตีนผี Stiff ขึ้น รวดเร็วขึ้น

ตีนผี มีการทำงานที่รวดเร็วและแม่นยำขึ้นที่ เทคโนโลยี SHIMANO SHADOW RD + ที่จะลดอาการโซ่ตกได้ในขณะที่เราใช้งานในเส้นทางลุยหนัก และความแข็งแรงที่เพิ่มมากขึ้นจากรุ่นที่แล้ว

ราคาตีนผี 1×12 1,420 บาท
ราคาตีนผี 1×11 1,100 บาท

ตัวเลือกจานหน้า

สำหรับจานหน้า Deore ใหม่ ก็มีหน้าตาที่สวยงาม และดุดันมากขึ้น ด้วยการเล่นสีแบบ Metallic Color Shift และใช้รูปแบบใบจาน direct mount มีขนาด 30 และ 32 ครับ และมี Q-factor ที่รองรับได้กับรถ MTB ทุกประเภท

  • จานหน้าใบเดี่ยวแบบ 1×11 Speed ก็จะคล้ายกับตัว 12 Speed แต่จะเป็นรูปแบบ Spider ไม่เป็นแบบ direct mount เหมือนตัว 12 speed ครับ ส่วน Q-factor ระยะ chain line ก็รองรับพวกรถ Trail ได้ครับ ขนาดใบจานเท่ากับตัว 12 Speed ครับ
  • ชุดจานหน้า 2 ชั้นแบบ 11 speed มาในเสป็คจานหน้า 36-26T ใช้ควบคู่กับเฟืองหลังขนาด 11-42T ครับ

ราคาจานหน้า 1×12 2,420 บาท
ราคาจานหน้า 1×11 1,540 บาท

โซ่ใหม่

โซ่ใหม่เคลือบสารหล่อลื่น Sil-Tec มาพร้อมกับ Quick-link ให้การส่งกำลังที่ดีเยี่ยม

ราคาโซ่ 700 บาท 12 Speed
ราคาโซ่ 870 บาท 11 Speed

มือเบรกเพิ่มจุดซัพพอร์ท

มือเบรกมีการพัฒนาให้เหมือนกับ XTR XT SLX ให้พลังเบรกที่มาก และเพิ่มความ stiff ของมือเบรกด้วย support point และมีการทำงานของเบรกที่รวดเร็วของระบบ Servo wave action มือเบรกมาในรูปแบบแคลมป์รัด หรือ I-Spec EV ที่จะยึดติดกับชิฟเตอร์ได้อย่างลงตัว

2-PISTON Caliper

คาลิเปอร์ 2 piston ให้พลังเบรกที่เหนือชั้น การออกแบบใหม่ของ mount ที่ใช้โครงสร้างใหม่ที่แข็งแรงขึ้น และลดอุณหภูมิลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ราคาชุดเบรกหน้าหลัง 3,660 บาท

การเปลี่ยนเกียร์ที่รวดเร็วและปรับองศาได้ตามความถนัด

ชิฟเตอร์ใหม่แบบ 1×12 Speed และ 1×11 Speed มีให้เลือกแบบ I-Spec EV ให้การปรับองศาได้มากขึ้นตามความถนัดของผู้ใช้งาน และมีระบบการทำงานที่นุ่มนวลเหมือนรุ่นพี่
อย่าง SLX หรือ XT มีการปรับเกียร์ได้รวดเร็วถึง 3 เกียร์ในการกด 1 ครั้ง และรุ่นที่มีตัวบอกตำเกียร์ให้เลือกเป็น Option เสริม

สำหรับชิฟเตอร์ฝั่งสับจานหน้าที่ใช้กับ 2×11 Speed จะเป็นแบบ Mono lever ที่จะเป็นก้านเปลี่ยนเกียร์ก้านเดียว ให้การเปลี่ยนเกียร์ที่ง่ายขึ้นและปรับมุมองศาได้เช่นเดียวกัน รวมถึง
มีน้ำหนักที่เบา

ราคาชิฟเตอร์ 1×12 620 บาท / ราคาชิฟเตอร์ 1×12 แบบมีจอ 650 บาท
ราคาชิฟเตอร์ 1×11 500 บาท / ราคาชิฟเตอร์ 1×11 แบบมีจอ 530 บาท


ดูรีวิวสินค้าได้ที่: https://youtu.be/C2tkAC_MRK4
สอบถามเพิ่มเติม หรือใช้บริการ service ได้ที่: https://hahhong.com/dealer/

M5100/M6100 SERIES: มีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง?2020-06-17T15:14:42+07:00

ได้เวลาอัพเกรด! SHIMANO ULTEGRA R8000

 

สุดยอดชุดขับหมอบที่น่าอัพเกรดที่สุดในตอนนี้ Shimano Ultegra R8000 มาดูรายละเอียดเเละจุดเด่นของชุดขับตัวนี้กันครับ

 

 

เทคโนโลยีต่างๆที่ถ่ายทอดมาจาก Dura-Ace โดยตรง Performance การเปลี่ยนเกียร์เเละเบรคเกือบเทียบเท่ากับ Dura-Ace R9100

มือเกียร์ชิฟเตอร์ Ultegra ST-R8000 ออกแบบเพื่อการเปลี่ยนเกียร์ที่แม่นยำยิ่งขึ้น ภายในมีการออกแบบระบบทำงานใหม่ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์หลังเร็วและเป็นธรรมชาติมากกว่าเดิม การเปลี่ยนเกียร์หน้าเมื่อทำงานกับสับจานจะให้ความรู้สึกเบา

ตัวสับจานหน้า Front Dereilluer Ultegra FD-R8000 เพิ่มเรื่องความนุ่มนวลในการเปลี่ยนเกียร์และทำงานอย่างถูกต้องแม่นยำ ฉับไวมากขึ้น

ตีนผี Rear Dereilluer Ultegra R8000 ในชุดนี้มีให้เลือกตีนผีขาสั้น (RD-R8000SS) สำหรับเฟือง 11-25T และ 11-30T และตีนขายาว (RD-R8000GS) สำหรับเฟือง 11-28T และ 11-34T

 

 

Performance ใกล้เคียง ต่างกันที่น้ำหนัก โดยมีน้ำหนักที่หนักกว่า Dura-Ace เพียง 287g โดยน้ำหนักรวมของ Groupset Ultegra จะอยู่ที่ 2,273g

 

ระยะเกียร์ที่กว้างและหลากหลาย เฟืองหลัง Cassette Sprocket CS-R8000 ปรับเพิ่ม option จากเดิม มีตัวเลือกให้เล่นมากขึ้นในอัตราทดเฟืองที่ 11-30T และ 11-34T

 

มีตัวเลือกทั้งแบบ Rim Brakes และ Disc Brakes สำหรับ Rim Brakes มีทั้งแบบเบรคธรรมดาและ Direct Mount ยึดบนหรือใต้กะโหลก

 

ตัวเลือกมือ Disc Brakes สำหรับคนมือเล็กไม่ว่าคนที่ฝ่ามือเล็กหรือนักปั่นผู้หญิง ให้การเปลี่ยนเกียร์ที่ง่ายขึ้น ควบคุมรถได้สะดวก รวมถึงการจับที่สบายยิ่งขึ้


อ่านรายละเอียดของชุดขับ R8000 ได้ที่: https://hahhong.com/product/gultegrar8000wbb/
สอบถามเพิ่มเติม หรือใช้บริการ service ได้ที่: https://hahhong.com/dealer/

ได้เวลาอัพเกรด! SHIMANO ULTEGRA R80002020-06-11T14:06:57+07:00

SHIMANO 105 R7000 ความคุ้มค่าที่มาพร้อมกับ Performance

 

SHIMANO 105 R7000 เป็นชุดขับเคลื่อน Performance ที่คุ้มค่าที่สุด มีความทนทานสูง อายุการใช้งานยาวนาน และมี Performance การเปลื่ยนเกียร์เเละเบรค ที่ใกล้เคียงกับ Dura-Ace และ Ultegra ใครที่กำลังมองหาชุดขับเคลื่อนเอาไว้ประกอบรถของคุณ หรือเป็นชุด upgrade อยู่ 105 R7000 เป็นตัวเลือกที่คุณจะไม่ผิดหวังแน่นอนครับ

 

 

ระบบเกียร์ของ 105 R7000 ให้การเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวล และรวดเร็วไม่แพ้ Ultegra และใช้เทคโนโลยีต่างๆที่มีอยู่ใน Ultegra และ Dura-Ace ดังนี้ครับ

  • HollowTechII คือแกนขาจานที่กลวง ทำให้ขาจานมีน้ำหนักเบาและแข็งแรง รวมถึงแกนขาจาน 24mm ที่ SHIMANO ออกแบบมาให้มีความ Stiff สูง และถ่ายเทน้ำหนักได้อย่างลงตัว
  • SP41 คือ ปลอกนอกสายเกียร์มีการเคลือบด้วย Silicon Grease เพื่อการทำงานของการ Shifting ที่รวดเร็วและ
    ี Performance ที่ดี อีกทั้งยังเพิ่มอายุการใช้งานไปในตัวอีกด้วย
  • SHIMANO SHADOW RD คือ ระบบตีนผีที่ออกแบบ Low Profile มากยิ่งขึ้น คือตีนผีเมื่ออยู่ตำแหน่งเฟืองเล็กสุดจะมีระยะของตีนผียื่นออกมาจากเฟรมที่น้อยลง และส่งผลให้เกียร์ทำงานได้อย่างสมูทเงียบมากยิ่งขึ้น
  • Wide Link คือจุดยึดของสับจานหน้า และ ตีนผี ที่ออกแบบมาให้กว้างขึ้นเพื่อความทนทานแข็งแรงที่มากขึ้น ทำให้เกียร์รวดเร็วและสมูทมากขึ้นแม้กระทั่งการเปลี่ยนเกียร์จากตำแหน่งต่ำไปสูงในขณะที่เรายืนปั่น

 

 

ระบบเบรคของ 105 R7000 จะทำให้คุณมั่นใจในทุกเส้นทางปั่น 105 R7000 ได้พัฒนาระบบเบรคจากรุ่น 5800 ให้เบรคนุ่มนวลและมีพลังเบรคที่มากขึ้น ทำให้เราควบคุมรถได้ดีขึ้นโดยจะมีเทคโนโลยีต่างๆดังนี้ครับ

Rim Brakes

  • SLR-EV (RIM BRAKE) คือตัวก้ามเบรคที่ออกแบบมาให้มีระยะ Short-arm คือความสูงของก้ามเบรคที่ลดลงทำให้การเบรคนั้นตอบสนองได้ดีขึ้น ให้การเบรคที่นิ่งมากขึ้นและมีประสิทธิภาพสูงกว่าเบรครุ่นก่อนถึง 36%
  • Dual-Pivot Caliper (RIM BRAKE) คือการออกแบบจุดของก้ามเบรค 2 จุด ให้พลังเบรคที่ดีขึ้น กะทัดรัดและมีน้ำหนักน้อยลง ตัวก้ามเบรกมีความทนทานรวมถึงผ้าเบรคที่มีความทนทานมากขึ้น 100% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า

Disc Brakes

  • ONE WAY BLEEDING (DISC BRAKE) คือระบบทางเดินน้ำมันที่พัฒนาขึ้นเพื่อป้องกันอากาศไหลเข้าสู่ทางเดินน้ำมันที่ดีกว่าระบบรุ่นก่อน อีกทั้งยังให้การทำความสะอาดระบบทางเดินน้ำมันที่ง่ายกว่า
  • ICE TECHNOLOGIES (DISC BRAKE) คือเทคโนโลยีของใบดิสก์เบรคและผ้าเบรค โดยผ้าเบรคจะประกอบด้วย 3 Layer-sandwich คือ Stainless|Aluminum|Stainless ให้ความร้อนที่เกิดจากการเบรคที่ 400 องศา เหลือเพียง 300 องศาในหน้าสัมผัสของผ้าเบรคและใบดิส และผ้าเบรคจะมีฟินระบายความร้อนเพิ่มเข้ามาเพื่อการระบายความร้อนที่เพิ่มขึ้น

 

 

สำหรับจุดเด่นของ 105 R7000 จะมีดังนี้ครับ

  • ตัวเลือกเฟือง 11-32 และ 11-34 ที่มีให้เลือกใช้งานมากขึ้น ให้การไต่เขาของคุณทำได้ง่ายเเละสนุกมากยิ่งขึ้น
  • OPTION มือ Disc Brakes ที่มีให้เลือก 2 รุ่นคือ ST-R7020 มือดิสก์เบรคในรุ่นปกติให้การจับเหมือนกับ Dura-Ace กับ ST-R7025 ที่ออกแบบให้มือมีขนาดที่เล็กลง และก้านชิฟเตอร์ที่ขยับออกมาด้านนอกมากกว่าตัวปกติ ให้การชิฟเปลี่ยนเกียร์ที่ง่ายขึ้นสำหรับคนที่มือเล็ก

 

สำหรับชุดขับแบบ Rim Brakes จะมีสีเงิน Spark Silver อีกตัวเลือกหนึ่งตามความชอบและสไตล์การแต่งรถครับ

อ่านรายละเอียดของชุดขับ R7000 ได้ที่: https://hahhong.com/product/g105r700011spd/
สอบถามเพิ่มเติม หรือใช้บริการ service ได้ที่: https://hahhong.com/dealer/
SHIMANO 105 R7000 ความคุ้มค่าที่มาพร้อมกับ Performance2020-09-18T10:26:07+07:00

Title

Go to Top