รวมฮิต! รองเท้าจักรยานสำหรับผู้หญิง

รวมครบจบในโพสต์เดียว! เอาใจสาวๆนักปั่น กับรองเท้าจักรยานสำหรับคุณผู้หญิงโดยเฉพาะ ที่ SHIMANO ออกแบบมาให้มีทรงแคบลง จึงเข้ากับสรีระเท้าของผู้หญิงได้มากกว่า แต่ยังคง Performance ไว้เต็มเปี่ยม ขนมาให้คุณเลือกทุกสไตล์ ไม่ว่าจะ Road / MTB / Tri หรือรองเท้า Flat ก็มีเช่นกัน รวมถึงบางรุ่นยังมีสีพิเศษที่ทรงผู้ชายไม่มีอีกด้วย สายแฟชั่นต้องห้ามพลาด เลือกคู่ที่ถูกใจไป Mix & Match กับชุดของคุณกันเลย!

#rideshimano #ALLFORTHERIDE

SHIMANO S-PHYRE RC9

รองเท้าเสือหมอบท็อปคลาสซีรี่ส์ขวัญใจนักปั่นโปรทัวร์ ที่มีค่า Stiff สูงสุดจาก SHIMANO คือ 12 นอกจากจะมาในลุคสวยพรีเมียมแล้วยังอัดแน่นไว้ด้วยฟังก์ชั่นคุณภาพ

เริ่มจาก Function-specific zones ส่วนบนของรองเท้าผลิตจากหนังเสริมตาข่ายที่มีโครงสร้างช่วยให้วางเท้าได้นิ่งขึ้น จึงทำให้สูญเสียแรงปั่นอย่างเปล่าประโยชน์ไปน้อยที่สุด รวมถึงมีความทนทานภายใต้น้ำหนักเบา และระบายอากาศได้ดี ตามมาด้วย Power transfer optimization รูปทรงของ Heel cup แบบใหม่ที่ช่วยลดการบิดของส้นเท้าลง จึงรองรับการระเบิดพลังเร่งความเร็วได้เป็นอย่างดี และปิดท้ายด้วย Engineered fit ที่พัฒนาส่วนบนของรองเท้ามาให้รองรับพอดีได้กับสรีระเท้าทุกแบบ โอบรัดเท้ารอบทิศทางประดุจรังไหม แล้วยังเป็นรองเท้าทรง wide หรือหน้ากว้าง จึงให้ความรู้สึกสบายในการสวมใส่อย่างสูงสุด มาในสีขาวดูสวยพรีเมียมและปราดเปรียว ได้ทั้งลุคดูดีและความโปรในคู่เดียว

  • ไซส์ 36-38
  • ราคา 11,500 บาท

SHIMANO RC500

รองเท้าเสือหมอบ Mid-range ที่มีความโดดเด่นเรื่องลุคสวยงามภายใต้ Performance สูงใกล้เคียงกับรุ่นพี่ ด้วยพื้นรองเท้าคาร์บอนน้ำหนักเบาที่มีค่า Stiff 8 ช่วยส่งแรงกดไปยังบันไดได้เป็นอย่างดี ส่วนบนผลิตจากหนังซินเทติคที่ทั้งทนทาน เบา และระบายอากาศได้ดี ปรับทรงใหม่เป็นแบบหน้ากว้างจึงสวมใส่สบายยิ่งขึ้นกว่าเดิม พื้นรองเท้ามาพร้อมเทคโนโลยี SHIMANO DYNALAST ที่สามารถเข้าได้กับสรีระรูปเท้าทุกแบบ และช่วยให้คุณส่งกำลังได้มากขึ้

มีมาให้เลือก 2 สีด้วยกัน กับสี Navy ที่แอบมีไฮไลต์สีชมพูสีฟ้าเล็กๆให้พอไม่เบื่อ และสีขาวที่แมตช์ง่าย เข้าได้กับทุกชุด

  • ไซส์ 36-38
  • ราคา 4,200 บาท

SHIMANO RC300

รองเท้าเสือหมอบระดับเริ่มต้น มาพร้อมคุณสมบัติและดีไซน์ใกล้เคียงตัวท็อปอย่าง S-PHYRE มั่นใจได้กับ Performance ที่ดีในราคาจับต้องได้ ทรงรองเท้าหน้ากว้างสวมใส่สบาย พื้นรองเท้าแบบ Low stack height midsole ทำให้วางเท้าได้อย่างมั่นคง มีค่า Stiff 6 ช่วยในการส่งแรงไปยังบันไดได้ดีขึ้น ส่วนบนหุ้มด้วยหนังเต็มผืนกระชับพอดีเท้า น้ำหนักเบา และระบายอากาศได้ดี ปรับกระชับได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้นด้วยปุ่ม BOA L6 ที่ถูกวางมาในตำแหน่งกลางรองเท้

รูปทรงเพรียวใส่แล้วขาดูไม่ตัน มีถึง 3 สีให้เลือก ทั้งสีขาว ดำ Navy ชอบสไตล์ไหนก็เลือกไปแมทช์ชุดได้เลย

  • ไซส์ 36-38
  • ราคา 3,200 บาท

SHIMANO RC100

ต้อนรับคุณเข้าสู่โลกของการปั่นจักรยานด้วย RC1 ที่อัดแน่นไว้ด้วยคุณภาพภายใต้ราคาเป็นมิตร กับพื้น Glass fiber nylon น้ำหนักเบา มีค่า Stiff 6 ส่วนบนผลิตจากวัสดุหนังซินเทติคที่ระบายอากาศได้ดี มาพร้อมสายรัด three strap ที่ช่วยให้ปรับกระชับได้สบายเท้า เหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักปั่นที่กำลังมองหารองเท้าจักรยานคู่แรก

มี 2 สีคือดำ และน้ำเงินที่มีไฮไลต์สีฟ้า เพิ่มจุดเด่นให้มองได้ไม่เบื่อ

  • ไซส์ 36-38
  • ราคา 2,500 บาท

SHIMANO TR501

รองเท้าไตรกีฬาระดับ Mid-Range เน้นความสบายในการสวมใส่ มีซับในทำให้ไม่จำเป็นต้องใส่ถุงเท้า แต่ยังคงความระบายอากาศได้ดี ผลิตจากวัสดุที่ไม่อมน้ำและแห้งเร็ว พื้นรองเท้าเป็น Glass fiber ผสม Nylon ค่า Stiff 6 ให้ Performance สูงพอจะนำไปใช้ในการแข่งขัน รวมถึงออกแบบส่วนบนของรองเท้ามาให้เปิดกว้างเป็นพิเศษ จึงสวมง่ายและถอดง่าย ทำให้คุณไม่เสียเวลาในการเปลี่ยน Transition

มาในสีขาวไฮไลต์ด้วยสีฟ้าสดใสลุคสวยงาม

  • ไซส์ 36-38
  • ราคา 3,550 บาท

SHIMANO XC5

รองเท้าเสือภูเขาระดับ Mid-range ค่า Stiff 7 คุ้มค่าด้วย Performance ระดับสูงในราคาจับต้องได้ มาพร้อมน้ำหนักเบา ฟิตติ้งเป็นเเบบหน้ากว้างพิเศษเหมาะกับรูปเท้าคนไทย พื้นด้านในออกแบบเป็น Low stack height midsole ช่วยให้วางเท้าได้อย่างมั่นคงและส่งแรงไปยังบันไดได้ดียิ่งขึ้น พื้นรองเท้าผลิตจากยาง MICHELIN® ให้การยึดเกาะดีเยี่ยมแต่ยังสามารถเดินได้สบาย ลายดอกยางถูกออกแบบมาให้สามารถสลัดโคลนได้ดี ตัวรองเท้าส่วนบนระบายอากาศดี ปรับกระชับง่ายด้วยปุ่ม BOA L6 สวมใส่สบาย กระชับเท้าทุกส่วนเหมือนใส่ถุงมือ

สี Navy ไฮไลต์ฟ้าชมพูดูโดดเด่น

  • ไซส์ 36-38
  • ราคา 4,400 บาท

SHIMANO XC3

SHIMANO XC3

รองเท้าเสือภูเขาระดับเริ่มต้น ให้คุณได้มั่นใจกับ Performance ที่ดีในราคาคุ้มค่า เพราะได้คุณสมบัติที่ส่งต่อมาจาก S-PHYRE ซึ่งเป็นซีรี่ย์ตัวท็อป

พื้นรองเท้าออกแบบด้วยเทคโนโลยี Low stack height midsole ค่า Stiff 5 เพิ่มชั้นป้องกันนิ้วเท้าด้านหน้าเเละส้นเท้า ช่วยให้วางเท้าได้อย่างมั่นคง ลดอาการเท้าชา และช่วยส่งแรงไปยังบันได ส่วนบนห่อหุ้มรอบทิศทางด้วยหนังสังเคราะห์ ทนทานแต่สวมใส่สบายด้วยความเป็นรองเท้าหน้ากว้าง กระชับและระบายอากาศได้ดี ปุ่ม BOA L6 อยู่ในตำแหน่งกลางรองเท้าจึงปรับกระชับได้ครอบคลุมทั่วถึง

มาในสีดำ แมตช์ชุดง่าย ดูแลง่ายไม่ต้องกลัวเลอะ

  • ไซส์ 36-38
  • ราคา 3,200 บาท

SHIMANO XC1

รองเท้าเสือภูเขาระดับเริ่มต้นที่มาในราคาสุดคุ้ม เพราะอัดแน่นไว้ด้วยคุณภาพและความสบาย พื้นรองเท้า Glass fiber nylon ค่า Stiff 5 มีการวางดอกยางให้สามารถเหยียบบันไดได้อย่างมั่นคง ช่วยส่งแรงได้เป็นอย่างดี และยึดเกาะพื้นดีเยี่ยมจึงเดินเหินได้อย่างสะดวก วัสดุหนังด้านบนโอบรัดเท้าได้อย่างกระชับ สาย strap วางตำแหน่งให้สามารถปรับกระชับได้เสมอกันทั้งเท้า

สีดำไม่ต้องกลัวเลอะ แถมไฮไลต์สีฟ้ามาในเฉพาะรุ่นผู้หญิงด้วย

  • ไซส์ 36-38
  • ราคา 2,500 บาท

SHIMANO GR5

รองเท้าแนว Gravity ที่พูดได้เลยว่าคุ้มค่าที่สุดในตลาดตอนนี้ พื้นรองเท้า Stiff 2 แบบเรียบ ถูกออกแบบมาให้ยึดเกาะกับบันได Flat ได้ดีกว่าเดิม ภายในรองเท้าเป็นผ้าตาข่ายจึงมีน้ำหนักเบา ส่วนด้านนอกทำจากหนังมีความแข็งแรงมั่นใจได้ จึงเป็นรองเท้าระดับ Mid-Range อีกตัวที่น่าสนใจสำหรับใครที่ชอบเข้าป่าหรือเป็นสายลุย นอกจาก Performance ที่คุ้มค่าคุ้มราคาแล้วยังสวมใส่ได้กระชับ

  • มาในลุคเรียบง่ายสีดำ ที่แอบมีสีม่วงไฮไลต์ไว้เล็กๆดูไม่เบื่อ
  • ไซส์ 36-39
  • ราคา 2,850 บาท

ค้นหาร้านค้าตัวแทนจำหน่าย https://hahhong.com/dealer/
รายละเอียดสินค้า https://hahhong.com/products/
ติดตามข่าวสารและโปรโมชั่นอื่นๆ https://www.facebook.com/hahhongth/

รวมฮิต! รองเท้าจักรยานสำหรับผู้หญิง2021-06-11T15:22:21+07:00

รองเท้ากับบันได จับคู่แบบไหนปังสุด?

เสริม Performance ด้วยรองเท้าเสือหมอบคุณภาพจาก SHIMANO แล้วอย่าลืมเลือกบันไดให้เข้าชุดกันเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งทาง SHIMANO ก็มี Best match หรือรองเท้ากับบันไดที่เข้าคู่กันที่สุดมาเป็นแนวทางแนะนำ เพื่อให้นักปั่นเลือกจับคู่กันได้ง่ายขึ้น จะมีอะไรบ้างเราไปดูกันเลย

#rideshimano #ALLFORTHERIDE Shimano-Road

RC9 / TR9 & PD-R9100

รองเท้า Racing ตัวท็อปก็ควรคู่กับบันไดตัวท็อป!

ส่งผ่านแรงกดให้เกิดประสิทธิภาพด้วยรองเท้า S-PHYRE RC902 ที่ทั้งเบา กระชับ และมีค่า Stiff สูงถึง 12 หรือสายไตรก็มีรุ่น TR901 ที่ถอดใส่ง่าย ระบายอากาศและความชื้นได้ดี มีค่า Stiff 10 รวมกับ PD-9100 บันไดคาร์บอนในซีรี่ส์ DURA-ACE ที่แข็งแรงทนทาน พร้อมรับแรงกดให้คุณใส่เต็มได้อย่างไร้กังวล พร้อมอัพ Performance ของคุณให้ถึงจุดสูงสุด

RC7 & PD-R8000

อีกหนึ่งคู่รองเท้าและบันได Racing กับ RC701 รองเท้าเสือหมอบหน้ากว้างที่มีค่า Stiff 10 นอกจากสวมใส่ได้กระชับสบายแล้วยังสบายอากาศได้ดี จับคู่กับบันไดคาร์บอน PD-R8000 จากซีรี่ย์ ULTEGRA อัพ Performance ของคุณให้สูงพอที่จะใช้ในระดับแข่งขัน ภายใต้ราคาที่ยังเอื้อมถึง

RC5 / TR5 & PD-R7000

ขยับมาระดับ Mid-range ที่มีทั้งลุคสวยงามและ Performance ไม่แพ้รุ่นพี่ กับ RC500 ที่ยังคงเป็นรองเท้าพื้นคาร์บอนจึงมีน้ำหนักเบา ค่า Stiff 8 ช่วยส่งกำลังได้ดี หรือนักปั่นไตรเราก็มีรุ่น TR501 ให้เลือก นอกจากใส่สบาย ระบายอากาศได้ดีแล้ว Performance ยังสูงพอจะใช้แข่งขันได้ คู่กับบันไดซีรี่ย์ 105 PD-R7000 ที่ผลิตจากคาร์บอนผสมเรซิ่น ให้คุณสามารถส่งกำลังขาได้เต็มประสิทธิภาพ

RC3 / RC1 & PD-RS500

สุดท้ายกับรุ่นน้องเล็ก ที่พร้อมต้อนรับคุณเข้าสู่โลกแห่งการปั่น ด้วยรองเท้า RC300 และ RC100 มีค่า Stiff 6 เหมาะกับนักปั่นระดับเริ่มต้น หรือคนที่มองหารองเท้าจักรยานคู่แรก จับคู่กับ PD-RS500 บันไดสแตนเลสที่สามารถใส่และถอดคลีทได้ง่าย เรียกว่าเป็นคู่ที่ดีที่สุดสำหรับมือใหม่หัดใส่รองเท้าคลีทเลยทีเดียว


ค้นหาร้านค้าตัวแทนจำหน่าย https://hahhong.com/dealer/
รายละเอียดรองเท้า road รุ่นอื่นๆ https://hahhong.com/products/shimano/road/shoes/
ติดตามข่าวสารและโปรโมชั่นอื่นๆ https://www.facebook.com/hahhongth/

รองเท้ากับบันได จับคู่แบบไหนปังสุด?2021-02-02T09:57:14+07:00

เลือกบันได MTB ที่เหมาะกับคุณมากที่สุด

บันได MTB นั้นมีหลากหลายประเภท ขึ้นอยู่กับการใช้งานและรูปแบบการขี่
ถ้าหากคุณเป็นคนหนึ่งที่ปั่น MTB มาดูกันครับว่าบันไดแบบไหนจึงจะเหมาะกับการปั่นของคุณมากที่สุด

ก่อนอื่นเลยเรามาดูประเภทของบันได Shimano MTB กันก่อน

ประเภทแรกคือบันไดประเภทเรียบ หรือ บันไดแบบ Platform เป็นบันไดประเภทที่ใช้กับรองเท้าพื้นเรียบ
ใช้งานได้ง่าย โดยตัวบอดี้จะค่อนข้างกว้างทำให้การวางเท้าและกดลูกบันไดนั้นทำได้ง่าย
ส่วนอีกประเภทคือบันได SPD บันได SPD นั้น ย่อมากจาก Shimano Pedaling Dynamics ที่มีเทคโนโลยีการกระจายแรงในการกดลูกบันไดและการเพิ่มการส่งกำลังไปยัง
บันได้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและไม่สูญเสียแรงไป โดยใช้ควบคู่กับรองเท้าจักรยานอีกทั้งยังถูกออกแบบ Cleat มาให้สามารถเดินได้ง่ายอีกด้วย

สำหรับนักปั่น MTB มือใหม่นั้น ควรเลือกใช้งานบันไดแบบ Platform เนื่องจากการปั่น MTB ในทาง Cross Country ที่ต้องใช้การ Control ที่มากกว่า ก็มีโอกาสที่จะเสียหลักมากกว่า
บันไดแบบ Platform ทำให้คุณเอาเท้าออกจากบันไดเพื่อยันกับพื้นได้เร็วกว่าแบบไม่ต้องกังวลใดๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การเลือกใช้แบบบันได SPD ย่อมดีกว่า คุณอาจจะต้องใช้ฝึกการ
Control รถให้ชินจึงค่อยเปลี่ยนมาเป็นแบบ SPD หรือเรียกอีกอย่างว่า Clipless

บันได Platfrom ก็แบ่งออกเป็นหลายประเภทการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นผู้เริ่มต้นปั่น MTB หรือแม้กระทั่งนักแข่ง Downhill , Dirt Jump บันได Platform นั้นก็จะแตกต่างออกไป ไม่ว่าจะเป็นขนาดของบันได รูปทรง และ วัสดุ บันไดแบบ Platform นั้นทำให้ ร่างกายนั้นของเราเป็นอิสระกับจักรยานมากกว่าจึงเหมาะกับนักปั่นมือใหม่ หรือจะเป็นประเภท Downhill ที่บางจังหวะอาจจะต้องปล่อยเท้าเพื่อทรงตัวขณะลงมาด้วยความเร็วสูง เป็นต้น

บันได Platform
  • XT PD-M8140 ราคา 2,650 บาท
  • PD-GR500 ราคา 1,790 บาท

บันได SPD แนว Enduro Racing

บันไดแนว Enduro Racing นั้นจะมี Cage อลูมีเนียมที่แข็งแรงในการป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับแป้นล๊อค Clipless เพราะการปั่นแนว Enduro Racing จะมีระยะทางที่ค่อนข้างสั้นแต่มีความดุเดือดในการปั่นสูง และต้องใช้บันไดแบบ SPD เพราะบางจังหวะก็อาจจะมีเนินที่จะต้องกระชากขึ้น อีกทั้งบันไดแนว Enduro Racing นั้นจะมีแป้นเหยียบที่กว้างเพื่อรับกับรองเท้าให้มีความมั่นคงยิ่งขึ้นเมื่อลงด้วยความเร็วสูง

บันได SPD Enduro

บันได SPD แนว Cross Country

สำหรับการปั่น MTB ประเภท Cross Country หรือ XC นั้นไม่จำเป็นต้องมีแป้นที่กว้างเหมือนบันไดแนว Enduro เนื่องจากเส้นทาง Cross Country ต่างๆไม่ได้มีทางลงที่ยาวเหมือน Enduro บันไดแนว Cross Country จึงมีโครงสร้างที่เพรียวบางกว่าแนวอื่น เพราะต้องการน้ำหนักที่เบา และการกระจายการส่งกำลังที่ดีที่สุดเมื่อต้องปั่นในเส้นทาง Cross Country ที่มีทั้งเนินชัน และทางเรียบ

บันได SPD XC

Shimano SPD Cleat

บันได Shimano MTB ที่เป็นแบบ SPD นั้นทุกรุ่นสามารถใช้ตัว Cleat รุ่นเดียวกันได้ โดย SPD Cleat ออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่าย และมีความทนทาน ทำการติดตั้งที่ง่ายเพียงน๊อต 2 ตัว แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ถ้าคุณเป็นคนที่ใช้งานบ่อย ควรเปลี่ยน Cleat ทุกๆ 1 ปี เพื่อประสิทธิภาพในการล๊อคที่ดีที่สุดครับ

บันได SPD Cleat
  • SM-SH56 ราคา 480 บาท

ค้นหาร้านค้าตัวแทนจำหน่าย https://hahhong.com/dealer/
รายละเอียดสินค้า https://hahhong.com/products/
ติดตามข่าวสารและโปรโมชั่นอื่นๆ https://www.facebook.com/hahhongth/

เลือกบันได MTB ที่เหมาะกับคุณมากที่สุด2021-02-05T14:52:15+07:00

เปิดคัมภีร์เบาะ PRO

PRO มีการแชร์ข้อมูลกับ Bikefitting.com อยู่เสมอ เพื่อนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ได้หลากหลายครอบคลุม พร้อมแก้ทุกปัญหาหนักอกหนักใจของนักปั่นให้ตรงจุดที่สุด ซึ่งเบาะเองก็เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่มีให้เลือกเยอะแยะจนพูดได้เลยว่า ไม่ว่าคุณจะเคยเป็นใคร ผ่านอะไรมา เราก็มั่นใจว่าเรามีเบาะที่จะเหมาะกับคุณแน่นอน!

ว่าแล้วก็มาเปิดคัมภีร์ดูกันเลยดีกว่า ว่าเบาะรุ่นไหนจาก PRO ควรจะได้เป็นไอเท็มที่มาช่วยแก้ปัญหาให้คุณ

#POWERSYOURPERFORMANCE

วัดความยืดหยุ่น

สิ่งแรกที่คุณควรรู้ก่อนจะเลือกเบาะซักรุ่น คือความยืดหยุ่นของร่างกาย หรือพูดง่ายๆก็คือ ก้มได้มากน้อยแค่ไหนขณะปั่นนั่นเอง

วิธีวัดก็ง่ายมากๆ แค่ยืนก้มตัวเอามือแตะพื้นโดยที่ให้ขาตึงไว้ ไม่งอเข่า พยายามก้มให้ได้มากที่สุด

  • ก้มแตะได้ถึงพื้น = ยืดหยุ่นมาก
  • ก้มได้เกือบถึงพื้น เฉียดๆปลายเท้าแต่ไม่ถึงพื้น = ยืดหยุ่นปานกลาง
  • ก้มได้แค่บริเวณหน้าแข้งหรือเหนือแข้ง = ยืดหยุ่นน้อย

เมื่อรู้ความยืดหยุ่นของตัวเองแล้ว ต่อไปก็ไปทำความรู้จักเบาะแต่ละรุ่น และเลือกเบาะที่เข้ากับสไตล์การปั่นที่สุดกันเลย

STEALTH

STEALTH เป็นเบาะทรง SHORT ที่มีปลายจมูกเบาะสั้นกว่ารุ่นอื่นๆ ช่วยให้หาตำแหน่งนั่งได้ง่ายขึ้น แล้วยังช่วยลดการเสียดสีของต้นขาด้านในกับเบาะลงอีกด้วย ส่วนบริเวณท้ายเบาะเชิดขึ้นเล็กน้อย ช่วยให้ส่งกำลังได้ดี ร่องตรงกลางเบาะยังช่วยลดเรื่องการกดทับ ทำให้นั่งได้สบายขึ้น ปั่นได้นานขึ้นเพราะว่าไม่เจ็บ

เหมาะสำหรับสายแอโร่ คนที่มีความยืดหยุ่นสูง หรือคนที่ชอบนั่งก้มเยอะๆเวลาปั่น สามารถคอนโทรลร่างกายตัวเองได้ดี นั่งได้นิ่ง เน้นทำความเร็ว วางใจใช้งานในการแข่งขันได้เป็นอย่างดี

STEALTH มี 4 รุ่นให้เลือกตามงบประมาณและความซีเรียสเรื่องน้ำหนัก โดยวัสดุส่วนโคเวอร์และแพดดิ้งจะเหมือนกันทั้งหมด คือเป็นโฟม EVA หุ้มหนัง PU ส่วนที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนจะเป็นส่วนราง

  • PRO STEALTH SUPERLIGHT
    เบาะตัวท็อป ขึ้นรูป full carbon รางกับเชลเป็นชิ้นเดียวกัน จึงมีน้ำหนักเบาที่สุด
    ขนาด 142MM / 152MM
    น้ำหนัก 145G
    ราคา 8,100 บาท
  • PRO STEALTH CARBON
    ตัวรางเป็นคาร์บอน ถึงจะมีน้ำหนักมากกว่ารุ่น SUPERLIGHT แต่ก็ยังจัดอยู่ในเกณฑ์เบามาก
    ขนาด 142MM / 152MM
    น้ำหนัก 172G
    ราคา 5,500 บาท
  • PRO STEALTH
    รางสแตนเลส ประหยัดงบขึ้นอีกนิด กับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นอีกหน่อย แต่ยังคงคุณสมบัติไว้ครบถ้วน
    ขนาด 142MM / 152MM
    น้ำหนัก 205G
    ราคา 4,000 บาท
  • PRO STEALTH SPORT
    เบาะตัวใหม่ล่าสุด เพิ่มทางเลือกให้กับคนงบน้อย ด้วยรางโครโมลี แข็งแรงทนทาน เหมาะกับคนที่ไม่ซีเรียสเรื่องน้ำหนัก
    ขนาด 142MM / 152MM
    น้ำหนัก 270G
    ราคา 2,600 บาท

FALCON

FALCON เบาะอีกหนึ่งรุ่นสำหรับนักปั่นสายซิ่งที่มีความยืดหยุ่นสูง เป็นเบาะยาวทรง FLAT คือแบนราบตั้งแต่บริเวณปลายจมูกไปจนถึงส่วนท้ายของเบาะ สามารถใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะใช้งานทั่วไปหรือแข่งขัน เน้นทำความเร็ว เหมาะกับคนที่นั่งไม่นิ่ง ชอบขยับเปลี่ยนตำแหน่งไปมา เนื่องจากเบาะยาวจึงนั่งได้หลายจุด

  • PRO FALCON PERFORMANCE
    เบาะโฟม EVA หุ้มด้วยหนัง PU รางสแตนเลส โมเดลใหม่ปี 2021 ที่ถูกปรับเบาะให้สั้นลงเล็กน้อยตามเทรนด์ความต้องการของนักปั่
    ขนาด 132MM / 142MM
    น้ำหนัก 223G
    ราคา 3,200 บาท
  • PRO FALCON CRMO
    เบาะหุ้มไนลอนที่มีชั้นโฟมแพดดิ้งเพิ่มขึ้นจึงนั่งสบายยิ่งขึ้น ส่วนกลางของเบาะแคบกว่ารุ่น Performance จึงช่วยลดการเสียดสีของเบาะกับต้นขาด้านใน รางเป็นโครโมลีที่มีความแข็งแรง แต่ก็มาพร้อมน้ำหนักที่มากกว่า
    ขนาด 142MM / 152MM
    น้ำหนัก 264G
    ราคา 1,200 บาท

TURNIX

TURNIX ขยับมาเป็นเบาะทรงยาวสำหรับนักปั่นที่มีความยืดหยุ่นปานกลาง มีช่วงท้ายเบาะเป็นแบบ Semi-curve ที่โค้งและเชิดเล็กน้อย ช่วงกระจายน้ำหนักได้เป็นอย่างดี จึงนั่งปั่นได้อย่างสบาย ใช้งานได้หลากหลายทั้งปั่นทางไกล ใช้งานทั่วไป และปั่นในทาง Cross-country

  • PRO TURNIX PERFORMANCE
    เบาะยาวทรงใหม่ 2021 ที่ถูกปรับให้มีขนาดสั้นลงเล็กน้อยตามความนิยมของนักปั่น แพดดิ้งเป็นโฟม EVA หุ้มด้วยหนัง PU รางสแตนเลส
    ขนาด 142MM / 152MM
    น้ำหนัก 209G
    ราคา 3,200 บาท
  • PRO TURNIX CRMO
    เบาะรางโครโมลี ที่เพิ่มชั้นแพดดิ้งให้หนาขึ้นจึงยิ่งนั่งสบาย แต่ก็น้ำหนักมากขึ้น หุ้มด้านนอกด้วยโคเวอร์ที่เป็นไนลอน มีช่วงกลางเบาะแคบกว่ารุ่น Performance จึงช่วยลดการเสียดสีของเบาะกับต้นขาด้านใน
    ขนาด 142MM / 152MM
    น้ำหนัก 277G
    ราคา 1,200 บาท

GRIFFON

GRIFFON เบาะที่เหมาะกับคนหลังแข็ง หรือก็คือมีความยืดหยุ่นน้อย ก้มตัวขณะปั่นไม่ค่อยได้นั่นเอง นักปั่นมือใหม่หรือคนที่เพิ่งเริ่มปั่นก็เหมาะจะใช้เบาะรุ่นนี้เช่นกัน เพราะเป็นเบาะยาวทรง Curve ที่มีท้ายเบาะโค้งมากกว่าเบาะรุ่นอื่น จึงช่วยเรื่องกระจายน้ำหนักได้ดี ไม่กดลงไปที่จุดใดจุดหนึ่ง จึงนั่งสบาย นอกจากติดตั้งในจักรยานเสือหมอบแล้วยังใช้ในทาง Cross-country ได้อีกด้วย

  • PRO GRIFFON PERFORMANCE
    เบาะโมเดลใหม่ 2021 ที่ถูกปรับให้มีขนาดสั้นลงกว่าเบาะยาวรุ่นก่อนของ PRO เล็กน้อย แพดดิ้งผลิตจากโฟม EVA หุ้มด้วยหนัง PU รางเป็นสแตนเลส
    ขนาด 142MM / 152MM
    น้ำหนัก 209G
    ราคา 3,200 บาท
  • PRO GRIFFON CRMO
    เพิ่มน้ำหนักมากขึ้นแลกกับชั้นแพดดิ้งที่เพิ่มเข้ามาเพื่อเสริมความสบายในการนั่ง ด้านนอกหุ้มด้วยวัสดุไนลอน มีช่วงกลางเบาะแคบกว่ารุ่น Performance จึงช่วยลดการเสียดสีของเบาะกับต้นขาด้านใน รางเป็นโครโมลี
    ขนาด 142MM / 152MM
    น้ำหนัก 297G
    ราคา 1,200 บาท

AEROFUEL

AEROFUEL เบาะ TRI เพียงหนึ่งดียวจากโปร เป็นเบาะทรงสั้นที่ถูกออกแบบมาให้มีความแอโร่ที่สุด เพื่อการปั่นรถไตรโดยเฉพาะ ท้ายเบาะมีตัว Anti slip กันลื่นเพิ่มเข้ามา นอกจาก Performance ที่ไว้ใจได้แล้วยังมีลุคสวยงามอีกด้วย มีรางให้เลือก 2 แบบตามแต่ความชอบและงบประมาณ

ทำความรู้จักกันครบทุกรุ่นแล้ว ถ้าใครยังสับสนว่าควรเลือกใช้เบาะอย่างไร เราก็มีแบบทดสอบง่ายๆมาให้ลองเล่นกันดูว่าคุณเหมาะกับเบาะตัวไหน ได้คำตอบเป็นรุ่นอะไร อย่าลืมมาแชร์ให้พวกเราดูกันบ้างนะ

>> https://forms.gle/3B6mbBVfjKdcaoRK9

 

และเพื่อความมั่นใจที่มากขึ้นไปอีก ก็สามารถไปลองนั่งชุดเบาะ Test ทั้ง 4 รุ่นคือ STEALTH / FALCON / TURNIX / GRIFFON ได้ที่ร้าน PRO Concept Store ทั้ง 8 ร้าน จะได้เลือกเบาะที่เข้ากับคุณมากที่สุด

  • แสงอรุณ สระบุรี
  • น่องโตไบค์
  • เทพเจริญไบค์
  • นำโชค
  • จงเจริญ
  • วีเอสไบค์
  • วีไบค์
  • เอนกไบค์

หรือสามารถเลือกซื้อเบาะและขอคำแนะนำจากร้านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

ค้นหาร้านค้าตัวแทนจำหน่าย https://hahhong.com/dealer/
รายละเอียดสินค้า PRO https://hahhong.com/products/pro/
ติดตามข่าวสารและโปรโมชั่นอื่นๆ https://www.facebook.com/PROcomponentTH/ | https://www.facebook.com/hahhongth/

เปิดคัมภีร์เบาะ PRO2021-01-25T10:58:42+07:00

เลือกซื้อหมวกให้ตัวเองกับ LAZER

หมวกกันน็อคเป็นอุปกรณ์ชิ้นสำคัญในการปั่นจักรยาน เพราะศีรษะเป็นจุดสำคัญของร่างกาย คุณภาพเเละมาตรฐานของหมวกจึงเป็นสิ่งที่เราต้องคำนึงถึงอยู่เสมอเมื่อเลือกซื้อหมวกใบใหม่

หมวก LAZER เป็นแบรนด์หมวกระดับโลกจากเบลเยี่ยมที่ได้รับการยอมรับ เเละเป็นเวลากว่า 100ปี ที่ LAZER ได้ผลิตหมวกกันน็อคที่ดีที่สุดเพื่อให้นักปั่นได้รับความปลอดภัยสูงสุด สามารถสนุกกับการปั่นจักรยานได้แบบไร้กังวล

มาดูกันว่า LAZER มีปรัชญาการออกเเบบเเละผลิตสินค้าเป็นอย่างไร

Mission ของแบรนด์ LAZER นั้น คือต้องการให้นักปั่นทุกคนปั่นจักรยานได้อย่างสนุกสนานภายใต้ความปลอดภัยสูงสุด ทำให้การออกแบบและการผลิตหมวก LAZER ทุกใบนั้นได้ผ่านการคำนึงถึงสิ่งที่สำคัญต่อนักปั่นดังต่อไปนี้

ความปลอดภัยต้องมาพร้อมความสบาย

Fitting ที่พอดีจึงเป็นเรื่องสำคัญ การทดลองสวมใส่จะช่วยเพื่มความมั่นใจว่าหมวกจะเข้ากับศีรษะเรามากที่สุด
หมวก LAZER จึงมีรุ่นที่เป็น Asian fit เพื่อรองรับกับโครงสร้างศีรษะของคนเอเชียโดยเฉพาะ

การป้องกัน เป็นสิ่งที่สำคัญที่สำคัญที่สุด

หมวก LAZER ทุกรุ่นแม้กระทั่งหมวกเด็กจะผ่านการทดสอบแรงกระแทก จำลองในสถานการณ์เมื่อเราล้มในห้องทดลอง หมวกทุกใบของ LAZER จึงมีมาตรฐานความปลอดภัยในระดับสากลทั้ง 3 สถาบัน ซึ่งน้อยแบรนด์มากๆที่จะได้รับมาตรฐานความปลอดภัยทั้ง 3 สถาบัน
สำหรับ 3 สถาบันที่หมวก LAZER ได้รับรองนั้น ประกอบด้วย
  • CE หรือ European Conformity
    เป็นการรับรองว่าสินค้านั้นได้รับรองจากผู้ผลิตว่าสินค้านั้น มีคุณสมบัติตามข้อกำหนดด้านสุขภาพ ความปลอดภัย และการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ตามกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องของสหภาพยุโรป
  • CPSC หรือ Consumer Product Safety Commission
    คณะกรรมการความปลอดภัยสินค้าอุปโภคบริโภคของสหรัฐอเมริกา ที่จะการันตรีในความมาตรฐานและความปลอดภัยที่ผู้บริโภค
  • AS หรือ Australian Standard
    มาตรฐานออสเตรเลียเป็นองค์กรพัฒนามาตรฐานสูงสุดให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์บริการและระบบมีความปลอดภัยเชื่อถือได้

การระบายอากาศ

หมวก LAZER คำนึงถึงเรื่องการระบายอากาศที่ดี เนื่องจากการออกแบบในเรื่องของการระบายอากาศนั้นจะคำนึงถึงลมเข้าและออก ซึ่ง LAZER ได้ออกแบบช่องระบายอากาศที่เข้าและออกได้อย่างเป็นระบบในทุกรุ่น ยกตัวอย่าง LAZER ทำการทดสอบการระบายอากาศหลายครั้งของหมวก LAZER Genesis โดยการสวมหมวกนิรภัยบนนางแบบในอุโมงค์ลมและวัดการสูญเสียความร้อนระหว่างการปั่นจักรยาน โดยรวมแล้วหมวกนิรภัยมีประสิทธิภาพในการระบายความร้อนถึง 108% หมายความว่าการขี่ด้วย Genesis จะทำให้หัวของคุณเย็นลง 8% มากกว่าการขี่โดยไม่สวมหมวกกันน็อคเลยเสียอีก

น้ำหนักที่เบา

น้ำหนักมีส่วนทำให้คุณปั่นได้สบายมากขึ้นมากกว่าหมวกที่มีน้ำหนักมาก สำหรับหมวก Genesis รุ่นที่เบาที่สุดของ LAZER มีน้ำหนักเพียง 190g นั่นทำให้ในวันที่คุณปั่นยาวนั้น คอคุณจะรู้สึกผ่อนคลายมากและนั่นเป็นสิ่งที่ดีสำหรับการปั่นจักรยาน ครับ และไม่เพียงแต่รุ่น Genesis รุ่นเดียวที่ให้น้ำหนักเบารุ่นอื่นๆของ LAZER ถึงแม้จะน้ำหนักมากกว่ารุ่น Genesis แต่ LAZER ก็ได้ทำมันออกมาได้เป็นอย่างดีทุกรุ่น ให้มีน้ำหนักที่สบายและปั่นเส้นทางไกลได้อย่างสบายๆ

ผู้เชี่ยวชาญในการออกแบบ

ถ้าหากหมวกคุณมีดีไซน์ที่สวย แน่นอนคุณจะอยากใส่มันในทุกๆวันแน่นอน สำหรับหมวก LAZER นั้นได้รับการออกแบบจากทีม Designer จาก Head office ที่ประเทศเบลเยี่ยม LAZER นั้นได้มอบดีไซน์หมวกที่สวย มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยสูงสุด ซึ่งทำให้ LAZER นั้นเป็นผู้นำในเรื่องความ
ปลอดภัย และมีดีไซน์ที่เข้ากับคนทั่วโลกอีกด้วย

ผู้เชี่ยวชาญในการออกแบบ

ถ้าหากหมวกคุณมีดีไซน์ที่สวย แน่นอนคุณจะอยากใส่มันในทุกๆวันแน่นอน สำหรับหมวก LAZER นั้นได้รับการออกแบบจากทีม Designer จาก Head office ที่ประเทศเบลเยี่ยม LAZER นั้นได้มอบดีไซน์หมวกที่สวย มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยสูงสุด ซึ่งทำให้ LAZER นั้นเป็นผู้นำในเรื่องความ
ปลอดภัย และมีดีไซน์ที่เข้ากับคนทั่วโลกอีกด้วย

ค้นหาร้านค้าตัวแทนจำหน่าย https://hahhong.com/dealer/
รายละเอียดสินค้า LAZER https://hahhong.com/products/lazer/
ติดตามข่าวสารและโปรโมชั่นอื่นๆ https://www.facebook.com/LazerHelmetsTH/ | https://www.facebook.com/hahhongth/

เลือกซื้อหมวกให้ตัวเองกับ LAZER2021-01-11T09:38:41+07:00

ปั่นอย่างโปรด้วย PRO for MTB

ชอบเบา! ชอบลุย! ชอบประหยัด! ชอบ…แบบไหน PRO ก็พร้อมตอบสนองความต้องการของคุณ ด้วย MTB Component ทั้ง 3 ซีรี่ส์ ให้คุณเลือกนำไปติดตั้งใช้งานให้เข้ากับสไตล์การปั่นและงบในกระเป๋า หากใครยังมึนๆว่าแต่ละรุ่นคืออะไร ต่างกันตรงไหน เราก็พาทุกรุ่นมาให้คุณได้ทำความรู้จักกันแล้ว!

#POWERSYOURPERFORMANCE #RideShimano

THARSIS

THARSIS คอมโพเนนท์ตัวท็อปสายแต่งเบาที่ไม่ได้มีดีแค่เรื่องน้ำหนักเท่านั้น แต่เน้นผลิตจาก UD คาร์บอนที่จัดเป็นคาร์บอนเกรดสูง ช่วยซับแรงได้ดี จึงลดความเมื่อยล้าของมือและแขน ทำให้ปั่นได้สบายกว่า แต่ก็แลกมาด้วยราคาที่สูงขึ้น จึงเหมาะกับนักปั่นที่มีงบเสียหน่อย

THARSIS XC FLAT TOP

  • วัสดุ : UD คาร์บอน
  • ยาว : 720MM
  • Backsweep : 9°
  • Rise : 5MM
  • Upsweep : 4°
  • น้ำหนัก : 160G
  • ราคา : 4,200 บาท

THARSIS XC FLAT TOP

  • วัสดุ : UD คาร์บอน
  • ยาว : 740MM
  • Backsweep : 9°
  • Rise : 15MM
  • Upsweep : 4°
  • น้ำหนัก : 173G
  • ราคา : 4,200 บาท

THARSIS XC SEATPOST

  • วัสดุ : UD คาร์บอน
  • ยาว : 400MM
  • ขนาดท่อ : 31.6MM
  • เยื้อง : 0MM
  • น้ำหนัก : 199G
  • ราคา : 2,670 บาท

KORYAK

เกิดมาเพื่อสายลุย ไม่ว่าคุณจะปั่น MTB ประเภทอะไร ลงทางหนักขนาดไหน TRAIL หรือ ENDURO ก็สามารถฝ่าไปกับคุณได้ทุกทาง ด้วยคอมโพเนนท์อลูมิเนียมที่มีความแข็งแรงทนทาน ถึงจะแลกมาด้วยน้ำหนักที่มากกว่ารุ่น THARSIS แต่เรื่องลุยบอกเลยว่าไม่แพ้แน่นอน

เสริมความแข็งแกร่งด้วยกระบวนการผลิตแบบ 3D FORGED หรือการขึ้นรูปด้วยการอัดแรงดัน ทำให้ชิ้นส่วนแข็งแรงยิ่งขึ้นไปอีก

KORYAK HANDLEBAR FLAT

  • วัสดุ : อลูมิเนียม
  • ยาว : 720MM
  • Backsweep : 9°
  • Rise : –
  • Upsweep : –
  • น้ำหนัก : 225G
  • ราคา : 1,550 บาท

KORYAK STEM

  • วัสดุ : 3D FORGED อลูมิเนียม
  • องศา : ±6°
  • ยาว : 70-90MM
  • น้ำหนัก : 137G
  • ราคา : 1,670 บาท

KORYAK SEATPOST

  • วัสดุ : 3D FORGED อลูมิเนียม
  • ยาว : 400MM
  • ขนาดท่อ : 27.2MM / 31.6MM
  • เยื้อง : 0MM
  • น้ำหนัก : 246G
  • ราคา : 1,670 บาท

ควบคุมรถได้ดียิ่งขึ้นด้วยหลักอานปรับความสูงได้ หรือ DROPPER POST ให้คุณเลือกปรับความสูงหลักอานให้เข้ากับเส้นทางที่ปั่น ไม่ว่าจะยกหลักอานสูงขึ้นเพื่อทำความเร็ว หรือปรับหลักอานต่ำลงเพื่อการคอนโทรลที่มากขึ้น

KORYAK DROPPER POST 150

  • วัสดุ : อลูมิเนียม
  • ระยะยุบตัว : 150MM
  • ยาว : 400MM
  • ขนาดท่อ : 31.6MM
  • เยื้อง : 0MM
  • น้ำหนัก : 508G
  • ราคา : 6,500 บาท

LT

มิตรแท้คนงบน้อยจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก LT ด้วยคอมโพเนนท์อลูมิเนียมราคาน่ารักจับต้องได้ ที่มีทั้งความทนทานและอายุการใช้งานยาวนาน ถึงน้ำหนักจะมากขึ้นหน่อยแต่ก็ยังพูดได้เต็มปากว่าคุ้มค่าแน่นอน

LT LOW RISE 20 HANDLEBAR

  • วัสดุ : อลูมิเนียม
  • ยาว : 720MM
  • Backsweep : –
  • Rise : 20MM
  • Upsweep : –
  • น้ำหนัก : 330G
  • ราคา : 1,280 บาท

ในส่วนของสเต็มและหลักอานในซีรี่ย์ LT นอกจากใช้ประกอบรถจักรยานเสือภูเขาแล้ว ยังสามารถใช้กับจักรยานเสือหมอบได้อีกด้วย

LT STEM

  • วัสดุ : อลูมิเนียม
  • องศา : ±6°
  • ยาว : 60-120MM
  • น้ำหนัก : 148G (100MM)
  • ราคา : 980 บาท

LT SEATPOST

  • วัสดุ : อลูมิเนียม
  • ยาว : 400MM
  • ขนาดท่อ : 27.2MM / 31.6MM
  • เยื้อง : 0MM / 20MM
  • ราคา : 1,000 บาท

ไม่ว่าจะเป็น MTB Component ในซีรี่ย์ที่ช่วยให้คุณปั่นได้ดีขึ้น ดียิ่งกว่า หรือดีที่สุด! ก็พร้อมให้คุณจับจองเป็นเจ้าของแล้ว เพื่อช่วยส่งเสริม Performance ของคุณให้ได้มากที่สุด เล็งชิ้นไหนเอาไว้อย่าลืมเข้าไปวัดไซส์และขอคำแนะนำในการเลือกใช้ได้ที่ร้านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

 

ค้นหาร้านค้าตัวแทนจำหน่าย https://hahhong.com/dealer/
รายละเอียดสินค้า PRO https://hahhong.com/products/pro/
ติดตามข่าวสารและโปรโมชั่นอื่นๆ https://www.facebook.com/PROcomponentTH/ | https://www.facebook.com/hahhongth/

ปั่นอย่างโปรด้วย PRO for MTB2021-01-11T09:39:59+07:00

ROAD SHOE คู่ไหน ถูกใจคุณ

“รองเท้าคลีท” อุปกรณ์คู่กายที่หากเลือกได้ตรงใจก็สามารถช่วยอัพ Performance ของคุณให้สูงขึ้นได้ แต่ถ้าเลือกผิดใช้ผิดก็ทำลายความสนุกในการปั่นลงไปได้เลยเช่นกัน โดยเฉพาะรองเท้าเสือหมอบที่เน้นความแข็งหรือความ stiff เพื่อช่วยในการส่งแรงและทำความเร็ว อาจเป็นเรื่องยากสำหรับหลายคนในการหารองเท้าถูกใจที่ทั้งช่วยส่งเสริม Performance และยังสวมใส่สบายปั่นได้ยาวๆ

ทาง HAH HONG จึงขอนำเสนอ ROAD SHOE จาก SHIMANO ที่นอกจากส่งเสริมการปั่นของคุณแล้วยังถูกออกแบบมาอย่างดีให้สวมใส่กระชับสบาย มีหลากหลายระดับให้เลือก ไปดูกันเลยว่าแต่ละรุ่นมีอะไรน่าสนใจบ้าง และคู่ไหนที่เหมาะจะเป็นรองเท้าคู่ใจของคุณ

SHIMANO S-PHYRE RC9

รองเท้าเสือหมอบท็อปคลาสซีรี่ส์ขวัญใจนักปั่นโปรทัวร์ ที่มีค่า Stiff สูงสุดจาก SHIMANO คือ 12 นอกจากจะมาในลุคสวยพรีเมียมแล้วยังอัดแน่นไว้ด้วยฟังก์ชั่นคุณภาพ

เริ่มจาก Function-specific zones ส่วนบนของรองเท้าผลิตจากหนังเสริมตาข่ายที่มีโครงสร้างช่วยให้วางเท้าได้นิ่งขึ้น จึงทำให้สูญเสียแรงปั่นอย่างเปล่าประโยชน์ไปน้อยที่สุด รวมถึงมีความทนทานภายใต้น้ำหนักเบา และระบายอากาศได้ดี ตามมาด้วย Power transfer optimization รูปทรงของ Heel cup แบบใหม่ที่ช่วยลดการบิดของส้นเท้าลง จึงรองรับการระเบิดพลังเร่งความเร็วได้เป็นอย่างดี และปิดท้ายด้วย Engineered fit ที่พัฒนาส่วนบนของรองเท้ามาให้รองรับพอดีได้กับสรีระเท้าทุกแบบ โอบรัดเท้ารอบทิศทางประดุจรังไหม แล้วยังเป็นรองเท้าทรง wide หรือหน้ากว้าง จึงให้ความรู้สึกสบายในการสวมใส่อย่างสูงสุด

ราคา 11,500 บาท

SHIMANO RC7

รองเท้าเสือหมอบระดับ Racing ที่ทั้งคุ้มค่าและสวมใส่สบาย กับทรงรองเท้าหน้ากว้างที่มาพร้อมพื้นคาร์บอนไฟเบอร์ที่มีค่า Stiff 10 ทำให้สามารถส่งแรงกดไปยังบันไดได้อย่างดีเยี่ยม มี Heel stabilizer ที่ช่วยกระชับตำแหน่งข้อเท้าให้นิ่ง จึงออกแรงได้ดียิ่งขึ้น ส่วนบนผลิตจากหนังซินเทติคแบบ High-density ที่ทั้งเบาและทนทาน รวมถึงระบายอากาศได้ดี ปรับกระชับได้ละเอียดครอบคลุมเข้ากับรูปเท้าด้วย BOA L6 2 ปุ่ม และ Power zone wire guide ที่ส่วนหน้าเท้า

ราคา 6,500 บาท

SHIMANO RC5

รองเท้าเสือหมอบ Mid-range ที่นอกจากลุคสวยงามแล้วยังให้ Performance สูงใกล้เคียงกับรุ่นพี่ ด้วยพื้นรองเท้าคาร์บอนน้ำหนักเบาที่มีค่า Stiff 8 ช่วยส่งแรงกดไปยังบันไดได้เป็นอย่างดี ส่วนบนผลิตจากหนังซินเทติคที่ทั้งทนทาน เบา และระบายอากาศได้ดี ปรับทรงใหม่เป็นแบบหน้ากว้างจึงสวมใส่สบายยิ่งขึ้นกว่าเดิม พื้นรองเท้ามาพร้อมเทคโนโลยี SHIMANO DYNALAST ที่สามารถเข้าได้กับสรีระรูปเท้าทุกแบบ และช่วยให้คุณส่งกำลังได้มากขึ้น

ราคา 4,200 บาท

SHIMANO RC3

รองเท้าเสือหมอบระดับเริ่มต้น มาพร้อมคุณสมบัติและดีไซน์ใกล้เคียงตัวท็อปอย่าง S-PHYRE มั่นใจได้กับ Performance ที่ดีในราคาจับต้องได้ ทรงรองเท้าหน้ากว้างสวมใส่สบาย พื้นรองเท้าแบบ Low stack height midsole ทำให้วางเท้าได้อย่างมั่นคง มีค่า Stiff 6 ช่วยในการส่งแรงไปยังบันไดได้ดีขึ้น ส่วนบนหุ้มด้วยหนังเต็มผืนกระชับพอดีเท้า น้ำหนักเบา และระบายอากาศได้ดี ปรับกระชับได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้นด้วยปุ่ม BOA L6 ที่ถูกวางมาในตำแหน่งกลางรองเท้า

ราคา 3,200 บาท

SHIMANO RC1

ต้อนรับคุณเข้าสู่โลกของการปั่นจักรยานด้วย RC1 ที่อัดแน่นไว้ด้วยคุณภาพภายใต้ราคาเป็นมิตร กับพื้น Glass fiber nylon น้ำหนักเบา มีค่า Stiff 6 ส่วนบนผลิตจากวัสดุหนังซินเทติคที่ระบายอากาศได้ดี มาพร้อมสายรัด three strap ที่ช่วยให้ปรับกระชับได้สบายเท้า เหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักปั่นที่กำลังมองหารองเท้าจักรยานคู่แรก

ราคา 2,500 บาท

ถ้ามีคู่ไหนที่ถูกใจแล้ว อย่าลืมเข้าไปลองสวมดูที่ร้านตัวแทนจำหน่ายก่อนตัดสินใจ เพื่อเลือกไซส์ที่พอดีกับคุณมากที่สุด รวมถึงใช้บริการติดตั้งคลีทให้ถูกต้อง จะได้ปั่นอย่างมีความสุข ทั้งสนุกและดึงศักยภาพออกมาได้เต็มที่

 

ค้นหาร้านค้าตัวแทนจำหน่าย https://hahhong.com/dealer/
รายละเอียดรองเท้า road รุ่นอื่นๆ https://hahhong.com/products/shimano/road/shoes/
ติดตามข่าวสารและโปรโมชั่นอื่นๆ https://www.facebook.com/hahhongth/

ROAD SHOE คู่ไหน ถูกใจคุณ2021-01-04T15:11:36+07:00

ปั่นอย่างโปรด้วย PRO for ROAD BIKE

งบไม่เยอะใช้ตัวไหนดี? ชอบเบาๆต้องซื้อรุ่นไหน? เน้นแอโร่ต้องใช้อะไร? เชื่อว่าตอนนี้หลายคนคงลายตาและมึนงงกับผลิตภัณฑ์มากมายจาก PRO ที่มารอให้คุณเลือกสรร เราจึงจะมาไขข้อสงสัยและแนะนำให้คุณรู้จัก ROAD Component จาก PRO มากขึ้นอีกนิด แต่ละรุ่นมีจุดเด่นอะไร เหมาะกับนักปั่นสายไหน เรามีคำตอบมาให้คุณแล้ว!

#POWERSYOURPERFORMANCE #RideShimano

VIBE

มาเริ่มกันด้วยตัวท็อปอย่าง VIBE ที่จะต้องถูกใจสายแต่งเบาแน่ๆ เพราะเน้นผลิตจากวัสดุคาร์บอนเกรดสูง ราคาเลยสูงขี้นตามไปเช่นกัน จึงเหมาะกับนักปั่นที่กระเป๋าหนักงบเยอะซักหน่อย แต่ถ้าใครงบน้อยลงมาก็ไม่ต้องเสียใจ เพราะซีรี่ย์ VIBE ยังมี Component ที่ทำจากอลูมิเนียมเกรดสูง อาจจะทำให้น้ำหนักมากกว่าตัวคาร์บอนก็จริง แต่ก็ยังจัดว่าเบามากๆ และช่วยลดคอสลงไปได้เยอะเลยทีเดียว

สำหรับแฮนด์จากซีรี่ย์ VIBE มีเข้ามาทั้งทรง Compact ที่มีระยะ Reach สั้นกว่า จึงเปลี่ยนตำแหน่งการจับแฮนด์ได้ง่าย และทรง Aero-compact ที่ส่วนบาร์แฮนด์เป็นทรงแบน เพิ่มความแอโร่มากขึ้นกว่าเดิม

VIBE AERO SUPERLIGHT

  • วัสดุ : คาร์บอน
  • ทรง : Aero-compact
  • Drop : 130MM
  • Reach : 80MM
  • ยาว : 38-42CM
  • น้ำหนัก : 195-205G
  • ราคา : 12,000 บาท

VIBE CARBON SUPERLIGHT

  • วัสดุ : คาร์บอน
  • ทรง : Compact
  • Drop : 130MM
  • Reach : 80MM
  • ยาว : 40-44CM
  • น้ำหนัก : 175-185G
  • ราคา : 10,500 บาท

VIBE CARBON

  • วัสดุ : คาร์บอน
  • ทรง : Compact
  • Drop : 130MM
  • Reach : 80MM
  • ยาว : 40-44CM
  • น้ำหนัก : 220-230G
  • ราคา : 10,000 บาท

VIBE ALLOY HANDLEBAR

  • วัสดุ : อลูมิเนียม
  • ทรง : Compact
  • Drop : 130MM
  • Reach : 80MM
  • ยาว : 40-44CM
  • น้ำหนัก : 245-255G
  • ราคา : 2,730 บาท

VIBE CARBON STEM

  • วัสดุ : คาร์บอน
  • องศา : ±8°
  • ยาว : 90-130MM
  • น้ำหนัก : 130-170G
  • ราคา : 8,400 บาท

VIBE STEM / VIBE STEM 1 1/4

  • วัสดุ : อลูมิเนียม
  • องศา : -10° / -17°
  • ยาว : 80-110MM
  • น้ำหนัก : 120-150G
  • ราคา : 3,350 บาท

VIBE Di2 SEATPOST SIDE CLAMP

  • วัสดุ : UD คาร์บอน
  • ยาว : 400MM
  • ขนาดท่อ : 27.2MM / 31.6MM
  • เยื้อง : 0MM / 20MM
  • ราคา : 6,500 บาท

VIBE ALLOY SEATPOST

  • วัสดุ : อลูมิเนียม
  • ยาว : 350MM
  • ขนาดท่อ : 27.2MM / 31.6MM
  • เยื้อง : 0MM
  • ราคา : 2,670 บาท

PLT

ราคาย่อมเยาว์ลงมาอีกเยอะสำหรับซีรี่ย์ PLT ที่พัฒนาต่อยอดมาจากตัวเริ่มต้นอย่าง LT เน้นผลิตด้วยวัสดุอลูมิเนียมเป็นหลัก มาพร้อมความทนทานที่ถึงจะน้ำหนักมากกว่า VIBE แต่ก็ยังจัดอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างเบาอยู่ พร้อมคงคุณภาพไว้ไม่แพ้รุ่นท็อป

ในส่วนของแฮนด์ PLT มีทรง Compact และ Ergo-compact ที่ส่วนบาร์แฮนด์เป็นทรงรี จึงจับได้สบายมือกว่า

PLT ERGO HANDLEBAR

  • วัสดุ : อลูมิเนียม
  • ทรง : Ergo-compact
  • Drop : 128MM
  • Reach : 75MM
  • ยาว : 38-44CM
  • น้ำหนัก : 275-290G
  • ราคา : 1,840 บาท

PLT HANDLEBAR

  • วัสดุ : อลูมิเนียม
  • ทรง : Compact
  • Drop : 128MM
  • Reach : 75MM
  • ยาว : 38-44CM
  • น้ำหนัก : 275-290G
  • ราคา : 1,670 บาท

PLT STEM

  • วัสดุ : อลูมิเนียม
  • องศา : ±10°
  • ยาว : 80-120MM
  • น้ำหนัก : 130G (100MM)
  • ราคา : 1,600 บาท

PLT SEATPOST

  • วัสดุ : อลูมิเนียม
  • ยาว : 400MM
  • ขนาดท่อ : 27.2MM / 31.6MM
  • เยื้อง : 0MM / 20MM
  • ราคา : 1,670 บาท

LT

เพิ่มน้ำหนักขึ้นมาอีกนิด กับราคาที่เป็นมิตรมากกว่าเดิม ด้วย Component อลูมิเนียมที่มีความทนทานคุ้มค่าคุ้มราคา สำหรับนับปั่นที่มีงบน้อยลงมาหน่อย

แฮนด์จาก LT เองก็มีทรง Compact และ Ergo-compact ให้เลือกเช่นกัน

LT ERGO HANDLEBAR

  • วัสดุ : อลูมิเนียม
  • ทรง : Ergo-compact
  • Drop : 125MM
  • Reach : 70MM
  • ยาว : 40-44CM
  • น้ำหนัก : ตั้งแต่ 280G
  • ราคา : 1,250 บาท

LT COMPACT HANDLEBAR

  • วัสดุ : อลูมิเนียม
  • ทรง : Compact
  • Drop : 125MM
  • Reach : 70MM
  • ยาว : 40-44CM
  • น้ำหนัก : ตั้งแต่ 280G
  • ราคา : 1,150 บาท

ในส่วนของสเต็มและหลักอานในซีรี่ย์ LT นอกจากใช้ประกอบรถจักรยานเสือหมอบแล้ว ยังสามารถใช้กับจักรยานเสือภูเขาได้อีกด้วย

LT STEM

  • วัสดุ : อลูมิเนียม
  • องศา : ±6°
  • ยาว : 60-120MM
  • น้ำหนัก : 148G (100MM)
  • ราคา : 980 บาท

LT SEATPOST

  • วัสดุ : อลูมิเนียม
  • ยาว : 400MM
  • ขนาดท่อ : 27.2MM / 31.6MM
  • เยื้อง : 0MM / 20MM
  • ราคา : 1,000 บาท

รู้จักกันครบทั้ง 3 ซีรี่ย์แล้วกับ ROAD Component ที่จะช่วยให้คุณปั่นได้ดีขึ้น ดียิ่งกว่า และดีที่สุด! หลายคนคงเริ่มมีสักชิ้นที่เล็งเอาไว้ในใจ เพื่อความชัวร์ว่าผลิตภัณฑ์ที่คุณเลือกจะช่วยส่งเสริม Performance ของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถตบเท้าเข้าร้านตัวแทนจำหน่าย PRO ทั่วประเทศ เพื่อวัดไซส์ ขอคำแนะนำ และหิ้วเอาตัวช่วยในการปั่นของคุณกลับบ้านได้แล้ววันนี้

 

ค้นหาร้านค้าตัวแทนจำหน่าย https://hahhong.com/dealer/
รายละเอียดสินค้า PRO https://hahhong.com/products/pro/
ติดตามข่าวสารและโปรโมชั่นอื่นๆ https://www.facebook.com/PROcomponentTH/ | https://www.facebook.com/hahhongth/

ปั่นอย่างโปรด้วย PRO for ROAD BIKE2021-01-06T13:33:33+07:00

ทำไมระบบชุดขับ SHIMANO ต้องใช้ร่วมกัน?

ทำไมระบบเกียร์ Hyperglide+ ที่อยู่ในชุดขับเคลื่อน Shimano MTB 12 Speed นั้นต้องทำงานร่วมกัน จึงจะได้ประสิทธิภาพเต็ม 100% ของการพัฒนาระบบเกียร์ใหม่ที่เร็วและนุ่มนวลที่สุด เรามาดูกันแต่ละส่วนเลยว่าระบบขับเคลื่อน Hyperglide+ นั้นพัฒนาอะไรบ้าง แล้วมันดีอย่างไร

ก่อนอื่นนั้นเรามาทำความรู้จักระบบขับเคลื่อนของ Shimano MTB กันก่อน

สำหรับชุดขับเคลื่อน Shimano MTB นั้นมีมาตั้งแต่ปี 1976 เป็นระบบขับเคลื่อน MTB ที่เก่าแก่ที่สุดที่ชื่อว่า Unglide (อันไกลด์) ระบบเกียร์ทำงานได้เร็ว แล้วก็ทนทาน ต่อมาในปี 1988 ได้พัฒนาระบบ Hyperglide (ไฮเปอร์ไกลด์) ให้ระบบเกียร์มีความรวดเร็วและสมูทมากยิ่งขึ้น และระบบเกียร์ Shimano MTB 12 Speed ก็คือ Hyperglide+ (ไฮเปอร์ไกลด์พลัส)
ที่พัฒนาให้การเปลี่ยนเกียร์ขึ้นและลงที่ราบรื่นแม้กระทั่งในขณะที่ส่งกำลังเต็มที่รวมถึงความนุ่มนวลที่เป็นเลิศตามเอกลักษณ์ของ Shimano

สำหรับระบบเกียร์ Hyperglide+ นั้นคือเป็นการพัฒนาของ 3 ชิ้นซึ่งเป็นหัวใจหลักของชุดขับเคลื่อนในการส่งกำลัง และการเปลี่ยนเกียร์ที่สมบูรณ์แบบ นั่นคือ ใบจาน โซ่ และ เฟือง สำหรับ 3 ชิ้นนี้ถือเป็นหัวใจหลักของการเปลี่ยนเกียร์เพราะแรงโหลดต่างๆรวมถึงการส่งกำลังที่ดีจะมาจากการขับเคลื่อนของ โซ่ เฟือง และใบจานดังนั้นระบบเกียร์ Hyperglide+ จึงได้พัฒนา 3 สิ่งนี้ให้มีประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นในทุกด้าน

เรามาเริ่มที่สิ่งแรกคือใบจาน

ใบจานของชุดขับเคลื่อน Shimano 12 Speed ทั้ง 4 ซีรี่ส์นั้นจะมี Profileใบจานที่เหมือนกันแต่จะต่างกันที่วัสดุของแต่ละซีรี่ส์ ใบจานใหม่นั้นมีการทำใบจานที่แตกต่างกับชุดเกียร์รุ่นก่อนหรือแบรนด์อื่นๆ เพื่อการทำงานร่วมกับโซ่ที่สมบูรณ์แบบ 100% โดยใบจานนั้นจะยึดเกาะกับโซ่ที่แน่นขึ้น ทำให้การส่งกำลังที่ต่อเนื่องแม้ในกระทั่งขณะออกแรงขึ้นเนินเต็มที่พร้อมการเปลี่ยนเกียร์ ระบบเกียร์จะทำหน้าที่ได้อย่างราบรื่น

ส่วนสำคัญต่อมาคือ โซ่

โซ่ใหม่นั้นได้พัฒนาให้ข้อต่อด้านในโซ่นั้นมีพื้นที่น้อยลง นั่นหมายความว่าใบจานและโซ่จะมีช่องว่างระหว่างกันน้อยลง ทำให้การยึดของโซ่ที่แน่นมากขึ้น ทำให้ทุกการเปลี่ยนเกียร์และการส่งกำลังมีประสิทธิภาพมากขึ้นและโซ่นั้นจะมีความนิ่งมากขึ้น โดยตอนติดตั้งโซ่เข้ากับใบจานใหม่นั้น ให้นำข้อโซ่นอกลงที่ฟันของใบจานที่ใหญ่ (ลักษณะฟันของใบจานใหม่จะเป็นใหญ่สลับเล็ก) โซ่จะลงล๊อกกับใบจานในตำแหน่งที่ถูกต้องเพื่อการทำงานที่สมบูรณ์แบบ

ส่วนสำคัญสุดท้ายคือ เฟืองหลัง

ตัวเฟืองหลังนั้นได้ทำการปรับเปลี่ยน Profile ใบฟันและร่องของเฟืองใหม่เพื่อการทำงานของโซ่ทั้งขึ้นและลงที่เร็วขึ้นและการทำงานที่สมูทมากขึ้น คุณจะเปลี่ยนเกียร์จังหวะไหนก็ได้ตามที่คุณต้องการไม่ว่าจะเปลี่ยนเกียร์ในขณะที่สปิ้นขึ้นเนิน ในทุกสภาพเส้นทาง ระบบเกียร์ใหม่จะทำหน้าที่ร่วมกันได้อย่างดีที่สุดและไม่มีข้อผิดพลาดในการเปลี่ยนเกียร์

หน้านี้จะแสดงให้เห็นถึงการเปรียบเทียบความเร็วของชุดขับเคลื่อน Shimano MTB 10-11 Speed รุ่นก่อนหน้าที่เป็นระบบขับเคลื่อน Hyperglide และชุดขับเคลื่อน Shimano MTB 12 Speed ใหม่ ที่เป็นระบบ Hyperglide+ ใหม่ จากกราฟจะเห็นว่าระยะเวลาตั้งแต่การกดเปลี่ยนเกียร์ในตำแหน่งเดียวกันนั้นระบบเกียร์ Hyperglide+ จะทำได้เร็วกว่าค่อนข้างเยอะ โดยใช้เวลาเพียง 1ใน3 ของระบบเกียร์ Hyperglide โดยส่วนปลายของคลื่นนั้นแสดงให้เห็นว่าเกียร์ได้ลงตำแหน่งของเฟืองแล้ว

ส่วนกราฟนี้จะแสดงให้เห็นถึงการเปรียบเทียบความสมูทราบรื่นของการเปลี่ยนเกียร์ โดยสังเกตจากคลื่นสีที่มีความสูงต่ำที่ไม่เท่ากันโดยคลื่นยิ่งต่ำนั้นยิ่งสมูทและราบรื่น จากสีนั้นระบบเกียร์ Hyperglide+ ที่จะมีความสมูทที่มากกว่าค่อนข้างเยอะ

(สามารถดู VDO ความแตกต่างได้จากลิ้งนี้ : https://youtu.be/Z5I33ohEJrk)

นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าระบบเกียร์ Hyperglide+ นั้นออกแบบการทำงานร่วมกันของโซ่ จาน และ เฟืองจึงจะได้ประสิทธิภาพการทำงานของเกียร์ 100% ถ้าหากชิ้นใดชิ้นหนึ่งที่ไม่ใช่ Shimano ใช้แบรนด์อื่นๆที่มี Profile ใบฟันเฟืองที่ไม่เหมือนก็จะทำให้การยึดเกาะของทั้ง 3 ชิ้น ไม่สมบูรณ์แบบทำให้การเปลี่ยนเกียร์ที่ด้อยลงและการส่งกำลังประสิทธิภาพลดลง

ระบบเกียร์ Hyperglide+ นั้นจะอยู่ในชุดขับเคลื่อน Shimano MTB 12 Speed ใหม่ในทุกซีรี่ส์คือ XTR M9100 / XT M8100 / SLX M7100 / DEORE M6100 สำหรับใบจาน เฟือง โซ่นั้นสามารถใช้งานร่วมกันได้ทั้งหมด

ค้นหาร้านค้าตัวแทนจำหน่าย https://hahhong.com/dealer/
รายละเอียดสินค้า Shimano https://hahhong.com/products/shimano/
ติดตามข่าวสารและโปรโมชั่นอื่นๆ https://www.facebook.com/hahhongth/

ทำไมระบบชุดขับ SHIMANO ต้องใช้ร่วมกัน?2020-12-29T13:42:51+07:00

ทำความรู้จักกับ PRO

“PRO” แบรนด์อุปกรณ์จักรยานที่หลายคนอาจพอคุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่บ้าง เพราะเป็นสปอนเซอร์ให้กับนักปั่นทีม Sunweb เราจึงมีโอกาสได้เห็นอุปกรณ์ของ PRO เข้าเส้นชัยพร้อมนักปั่นอยู่หลายครั้ง เป็นตัวช่วยการันตีในประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์จาก PRO ได้เป็นอย่างดี ซึ่งนอกจากอุปกรณ์สำหรับนักแข่งระดับโปรทัวร์แล้ว PRO เองก็มีผลิตภัณฑ์ในไลน์อื่นๆอีกมากมายที่เข้าได้กับทุกสไตล์การปั่นตั้งแต่เรนจ์เริ่มต้นเลยทีเดียว วันนี้เราจึงพา PRO มาแนะนำตัวให้นักปั่นทุกท่านรู้จักกันมากขึ้น พร้อมเหตุผลว่าทำไมคุณจึงควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์จาก PRO
PRO เป็นแบรนด์ลูกของ SHIMANO ที่มีต้นกำเนิดจากประเทศเนเธอแลนด์ ก่อตั้งและพัฒนาอุปกรณ์จักรยานอย่างไม่หยุดยั้งมากว่า 30 ปีตั้งแต่ ค.ศ. 1989 จึงมั่นใจได้ในคุณภาพและมาตรฐานของผลิตภัณฑ์จาก PRO
PRO ผลิตอุปกรณ์สำหรับจักรยานทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น ROAD / MTB / TRI / GRAVEL รวมถึง TOURING ด้วย โดยมีผลิตภัณฑ์ 3 กลุ่มใหญ่ๆคือ
  • COMPONENTS – เบาะ แฮนด์ สเต็ม หลักอาน ที่ถูกดีไซน์มาในหลากหลายรูปแบบ ให้คุณได้เลือกใช้ให้เข้ากับสไตล์การปั่นของคุณมากที่สุด
  • ACCESSORIES – เรียกว่ามีให้เลือกสรรมาติดตั้งทั้งคันตั้งแต่หน้ายันท้ายรถ ไม่ว่าจะเป็นผ้าพันแฮนด์ กระติกน้ำ กระเป๋า และอีกมากมาย
  • TOOLS – เครื่องมือช่างอย่างดีทั้งชุดใหญ่และขนาดพกพาก็มีให้คุณเลือกใช้เช่นกัน
PRO ทำงานร่วมกับบุคคลากรชั้นยอด ทั้งนักปั่น ดีไซน์เนอร์ วิศวกร เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด รวมถึงคอยฟังเสียงของผู้ใช้อยู่เสมอ โดยมีการรวบรวมความคิดเห็นของผู้ใช้งานจริงเพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งขึ้
PRO ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆพัฒนาผลิตภัณฑ์อยู่เสมอ รวมถึงมีการทดสอบอย่างหนักก่อนวางขาย เพื่อให้ลูกค้าของเราทุกคนมั่นใจได้ในมาตรฐานและคุณภาพของผลิตภัณฑ์จาก PRO
PRO เข้าใจว่านักปั่นทุกคนมีเอกลักษณ์และประสบการณ์ที่แตกต่างกัน ซึ่งย่อมต้องการการแก้ปัญหาที่ไม่เหมือนกัน จึงมีการแชร์ข้อมูลกับ Bikefitting.com เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์และครอบคลุมความต้องการของนักปั่นให้ได้มากที่สุด

ทุกคนที่ PRO เองก็หลงใหลในการปั่นจักรยานเหมือนกับคุณ เราจึงมีความเข้าใจนักปั่นมากที่สุด และพร้อมจะช่วยเหลือนักปั่นทุกคนให้ปั่นได้ดีขึ้น ไปจนถึงดึงศักยภาพสูงสุดของนักปั่นออกมา ซึ่งปลายทางก็คือการสร้างความสุขในการปั่นที่มากกว่าเดิมให้กับลูกค้าของเรานั่นเอง

มั่นใจได้ในผลิตภัณฑ์ของ PRO เพราะเรามีการรับประกันสินค้า แฮนด์ สเต็ม หลักอาน ตลอดอายุการใช้งาน (10 ปี)
ในส่วนของผลิตภัณฑ์กลุ่มอื่นเองก็มีการรับประกันเป็นระยะเวลา 2 ปี

เปิดประสบการณ์การปั่นที่ดียิ่งกว่าเดิมไปกับ PRO ได้แล้ววันนี้ ที่ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

ค้นหาร้านค้าตัวแทนจำหน่าย https://hahhong.com/dealer/
รายละเอียดสินค้า PRO https://hahhong.com/products/pro/
ติดตามข่าวสารและโปรโมชั่นอื่นๆ https://www.facebook.com/PROcomponentTH/ | https://www.facebook.com/hahhongth/

ทำความรู้จักกับ PRO2020-12-29T13:05:00+07:00

Title

Go to Top