SHIMANO ใช้เวลาแรมปีเพื่อทุ่มเทพัฒนาและยกระดับมาตรฐานใหม่ให้กับชุดขับเสือหมอบ เพื่อให้นักปั่นที่ใช้ชุดขับของเราได้สัมผัสประสบการณ์การปั่นที่ดีกว่าเดิม และสนุกสนานเพลิดเพลินไปในทุกเส้นทางปั่นได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น! เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ถูกใส่ไว้ในชุดขับตัวท็อปอย่าง DURA-ACE เองก็ถูกท่ายทอดมาสู่รุ่นน้องอย่าง ULTEGRA แบบไม่มีผิดเพี้ยน ซึ่งสิ่งที่ ULTEGRA แตกต่างจาก DURA-ACE จะเป็นเรื่องของวัสดุและการเก็บงานการผลิตที่อาจจะไม่ได้พรีเมียมสุดๆเท่าตัวท็อป แต่นั่นก็ทำให้นักปั่นสามารถเข้าถึง ULTEGRA ได้ง่ายกว่า
ในครั้งนี้ชุดขับ ULTEGRA R8100 มาในลุคใหม่ Di2 แบบ Wireless ที่มี Cockpit สะอาดสะอ้านสบายตา พร้อมระบบเกียร์ 12 SPEED ที่ให้ประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงมีระบบเบรกที่ละเอียดขึ้น เงียบขึ้น จนเรากล้าพูดว่าดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา
- ULTEGRA R8100 Di2 Rim Brake 70,820 บาท
- ULTEGRA R8100 Di2 Disc Brake 82,000 บาท
ราคารวมโซ่ ใบดิสก์ สายไฟ แบตเตอรี่ และสายชาร์จ
พร้อมเเล้วที่ https://sscdealerlocator.com.
Di2 แพลตฟอร์มใหม่
ULTEGRA R8100 เป็นชุดขับพร้อมชุดเกียร์ Di2 หรือเกียร์ไฟฟ้าเท่านั้น โดยไม่มีตัวเลือกชุดเกียร์แบบเมคานิคส์แล้ว มาในแพลตฟอร์มใหม่สั่งการชิฟเตอร์ผ่าน Wireless (เฉพาะ Disc Brake) มีทั้งความปลอดภัยสูง กินพลังงานต่ำ มีสัญญาณรบกวนน้อย และเพิ่มประสิทธิภาพขึ้นอีกด้วยการเชื่อมต่อตีนผีกับแบตเตอรี่และสับจานหน้าผ่านสายไฟ ซึ่งตีนผีตัวใหม่สามารถตอบสนองได้ไวขึ้นถึง 58% และสับจานหน้าก็ทำงานได้ไวขึ้นอีก 45% นอกจากนี้ยังลดความยุ่งยากในการติดตั้งและใช้งานลง โดยรวมอุปกรณ์ต่างๆ ไว้ในตีนผีที่เดียว ทั้ง Junction A, ที่ชาร์จแบตเตอรี่, ตัวส่งสัญญาณ Bluetooth และ ANT+ หรือ D-FLY รวมถึงปรับเปลี่ยนไปใช้แบตเตอรี่แค่ก้อนเดียว เวลาเซอร์วิสจึงทำได้ง่าย และหากนักปั่นท่านไหนไม่อยากใช้งานแบบ Wireless อยากเชื่อมต่อผ่านสายเคเบิ้ล ก็สามารถเลือกใช้งานได้เช่นกัน โดยการเชื่อมต่อแบบสายยังใช้พลังงานน้อยกว่าระบบ Wireless ถึง 50% หากเกิดอุบัติเหตุจนสายเคเบิ้ลเสียหาย ระบบก็จะสลับไปใช้งานแบบ Wireless อัตโนมัติ ให้คุณขับขี่ได้อย่างมั่นใจมากกว่าเดิม
Interface ใหม่
ไม่ใช่เพียงแค่ Performance เท่านั้น แต่เรายังมุ่งมั่นพัฒนา Comfort หรือความสบายให้กับนักปั่น โดยปรับดีไซน์ฮู้ดตามหลักสรีระศาสตร์ให้โค้งเข้ารับกับข้อมือและมีความสูงมากขึ้น ซึ่งนอกจากจะทำให้จับสบายมือแล้วยังช่วยให้คอนโทรลรถได้ง่าย ระยะ Reach เองก็ถูกปรับเพิ่มขึ้นเช่นกัน จึงทำให้วางมือได้กระชับ กำได้เต็ม 3 นิ้ว ส่วนของปุ่มก็ยาวขึ้น เพื่อให้สามารถกดเปลี่ยนเกียร์ขณะจับดรอปได้ง่าย แล้วยังเพิ่ม Offset ของปุ่มเกียร์ให้ต่างกันมากขึ้นด้วย เวลาสัมผัสจึงแยกปุ่มได้ง่าย แม้จะใส่ถุงมือหรือสัมผัสด้วยมือเปียกก็ตาม นอกจากนี้ระบบ Di2 แบบ Wireless ยังทำให้ Cockpit ลุคใหม่ของ ULTEGRA R8100 ดูเรียบร้อยสะอาดตาขึ้น เพราะพอร์ตสายเกียร์ต่างๆและอุปกรณ์ชิ้นเล็กชิ้นน้อยถูกตัดออกไป แต่ยังคงไว้ด้วยลูกเล่นหลากหลายให้คุณสามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการใช้งาน ทั้งสวิตช์เสริมและการตั้งค่าเปลี่ยนเกียร์หรือปุ่มกด ก็ยังคงทำได้ผ่าน E-TUBE Project เช่นกัน
ระบบเกียร์ใหม่ 12 SPEED
ULTEGRA R8100 ปรับระบบเกียร์ใหม่เป็นแบบ 12 SPEED โดยยังคงใช้เฟืองใบเล็กสุดขนาด 11T แต่ปรับแต่งเกียร์ช่วง Sweet Spot หรือช่วงเกียร์เรนจ์กลางๆ ที่ถูกใช้งานมาก ให้เกียร์มีความละเอียดมากขึ้น เมื่อเปลี่ยนเกียร์จึงรู้สึกสมูทลื่นไหล รอบขาไม่กระตุก ไม่มีอาการขาวืด แล้วยังนำระบบ Hyperglide+ จากชุดขับ MTB 12 SPEED เข้ามาใช้งาน ทำให้ได้ทั้งความนุ่มนวลลื่นไหล แม่นยำ และตอบสนองได้รวดเร็วไม่ว่าจะเปลี่ยนเกียร์ขึ้นหรือลง
โดยเฟืองใหม่ 12 SPEED นี้ออกแบบโปรไฟล์ส่วนโม่มาให้สามารถใช้งานร่วมกับชุดล้อ 11 SPEED เดิมได้ทันที มีตัวเลือกเฟืองขนาด 11-30T และ 11-34T ในส่วนของจานหน้ามีให้เลือกทั้งแบบขาจานปกติ และขาจาน Power Meter แบบใหม่ที่มีความแม่นยำมากขึ้นในอัตรา ±1.5% รวมถึงมีระบบชดเชยอุณหภูมิอัตโนมัติ ซึ่งช่วยให้สามารถวัดค่าได้แม่นยำยิ่งขึ้นด้วย มาในขนาด 50-34T และ 52-36T ตัวสับจานเองก็ถูกปรับปรุงใหม่ให้ทำงานได้รวดเร็วขึ้นเช่นกัน และยังถูกออกแบบให้มีขนาดเล็กลง 33% และมีน้ำหนักเบาลงเหลือเพียง 96G เท่านั้น
ปรับปรุงระบบเบรก
ระบบดิสก์เบรกใหม่ใน ULTEGRA R8100 ยังคงใช้เทคโนโลยี SERVO WAVE Action ที่คาลิเปอร์สามารถทำการจับใบดิสก์ได้อย่างรวดเร็วและนุ่มนวล แต่พัฒนาให้มีระยะ Free Stroke สั้นลงกว่ารุ่นก่อน จึงตอบสนองได้ไวยิ่งขึ้น แล้วยังทำให้มีพื้นที่ในการควบคุมเบรกมากขึ้นอีกด้วย จึงสามารถไล่ระดับการกดเบรกได้ละเอียดกว่า คอนโทรลรถได้แม่นยำกว่าเดิม
นอกจากนี้ยังมีการปรับระยะระหว่างผ้าเบรกให้กว้างขึ้น 10% ช่วยลดการเสียดสีของผ้าเบรกกับใบดิสก์ จึงช่วยลดเสียงกระทบลงได้ รวมถึงช่วยลดอุณหภูมิที่เกิดจากการเสียดสีลงด้วย โดยใช้งานคู่กับใบดิสก์ MTB รุ่น RT-MT900 สามารถลดอุณหภูมิลงได้ถึง 66% แล้วยังมีการปรับดีไซน์เปลี่ยนตำแหน่งพอร์ตน้ำมันให้สามารถเติมและไล่น้ำมันเบรกได้โดยไม่ต้องถอดคาลิเปอร์ออกจากตัวรถ ช่วยให้การเซอร์วิสง่ายขึ้น นอกจาก Disc Brake แล้วยังมี Rim Brake เป็นตัวเลือกให้ใช้งานด้วยเช่นกัน
ล้อ Full Carbon High Performance
ครั้งแรกของ ULTEGRA ที่ผลิตชุดล้อแบบ Full Carbon มีให้เลือกใช้งานในแบบ Tubeless สำหรับ Disc Brake มาใน 3 ซีรี่ย์คือ C36, C50 และ C60 โดยทั้งหมดถอด DNA มาจากตัวท็อปอย่าง DURA-ACE ให้นักปั่นสามารถเข้าถึงชุดล้อ High Performance ได้ง่ายยิ่งขึ้น และที่สำคัญ ยังคงใช้โม่ล้อแบบเดิม จึงสามารถใช้งานได้กับทั้งชุดขับ 11-SPD เดิม และรองรับชุดขับ 12-SPD ใหม่ด้วย
ชุดล้อใหม่นี้ถูกพัฒนาควบคู่กันไปทั้ง 3 ด้านคือแอโร่ไดนามิค ความแข็งแรง และน้ำหนักเบา โดยออกแบบโปรไฟล์ขอบล้อใหม่เป็นแบบเดียวกับชุดล้อ DURA-ACE ทำให้สามารถลด Drag และช่วยเซฟวัตต์ลงไปได้ นอกจากนี้ยังบาลานซ์แต่ละคุณสมบัติให้ชุดล้อทั้ง 3 ซีรี่ย์มีลักษณะเด่นที่แตกต่างกัน
- C36 โดดเด่นในเรื่องน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ เหมาะสำหรับนักปั่นที่ชอบไต่เขา มีน้ำหนักโดยรวมอยู่ที่คู่ละ 1,481G เท่านั้น
- C50 ล้อสาย All-Round เป็นล้อที่คุณสมบัติสมดุลกันทั้งเรื่องความแอโร่ ความแข็งแรง และน้ำหนักเบา ใช้งานได้หลากหลาย ให้อัตราเร่งที่ดี และยืนความเร็วได้ดี มีน้ำหนักโดยรวมอยู่ที่คู่ละ 1,562G
- C60 ชุดล้อที่โดดเด่นเรื่องความแอโร่ ลดแรงต้านลมได้ดีทั้งด้านหน้าและด้านข้าง เหมาะสำหรับสายปริ้นท์ แข็งแกร่งและมีค่าความสติฟมากกว่าซีรี่ย์อื่นๆ เพื่อรองรับการปั่นหนักๆ หรือการใช้งานที่ความเร็วสูง มีน้ำหนักโดยรวมอยู่ที่คู่ละ 1,642G