ในโลกกว้างข้างนอกยังมีทิวทัศน์สดใสที่ไม่เคยพบเห็นอยู่อีกมากมาย มาออกค้นหาเส้นทางใหม่ไปด้วยกันอย่างกระฉับกระเฉง กับชุดขับไฟฟ้าซีรี่ย์ใหม่ล่าสุด 105 Di2 R7100

SHIMANO ได้ถ่ายทอด DNA และเทคโนโลยีล่าสุดจากชุดขับตัวท็อปอย่าง DURA-ACE และ ULTEGRA ลงมาไว้ใน 105 อย่างที่เคยทำเสมอมา แต่ครั้งนี้แปลกใหม่กว่าเดิม เพราะเป็นครั้งแรกที่คุณจะได้สัมผัสกับชุดขับไฟฟ้าในราคาย่อมเยาว์เข้าถึงได้ง่ายขึ้น พร้อมลุยเคียงข้างคุณไปในเส้นทางใหม่ๆอย่างสนุกสนานกว่าที่เคย

105 Di2 เองก็ถูกวิจัยและพัฒนาภายใต้คอนเซปต์ SCIENCE OF SPEED เช่นเดียวกับ DURA-ACE และ ULTEGRA ที่จะยกระดับชุดขับอย่างครอบคลุมทั้ง 4 ด้าน เริ่มจากเลือกใช้แพลตฟอร์ม Di2 แบบ Wireless ที่ทำงานได้รวดเร็วและเสถียร ดีไซน์ Interface ใหม่รับกับข้อมือเพื่อให้จับสบายยิ่งขึ้น ปรับระบบเกียร์ใหม่เป็น 12 SPEED ให้ประสิทธิภาพสูงสุด ใช้งานได้หลากหลาย ปรับปรุงระบบเบรกใหม่ ทั้งคอนโทรลได้ละเอียดและเงียบขึ้น รวมถึงมีชุดล้อ Full Carbon รุ่นใหม่ที่ราคาเป็นมิตรกว่าเดิมเพิ่มเข้ามาอีกด้วย

สำหรับชุดขับไฟฟ้าหน้าใหม่ซีรี่ย์ 105 R7100 นี้จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง เราไปดูในแต่ละหัวข้อกันเลย

#imwithshimano #imwithshimanoSEA #RideShimano #RideShimanoSEA #allfortheride #allfortherideSEA

Di2 Wireless Platform

105 R7100 เป็นชุดขับพร้อมชุดเกียร์ Di2 ซึ่งใช้แพลตฟอร์เดียวกับ DURA-ACE และ ULTEGRA โดยมีชิฟเตอร์แบบ Wireless (เฉพาะ Disc Brake) คอยส่งสัญญาณสั่งการไปยังตีนผี ซึ่งระบบ Wireless ของ Di2 ตัวนี้มีทั้งความปลอดภัยสูง กินพลังงานต่ำ และมีสัญญาณรบกวนน้อย แต่เรายังเพิ่มประสิทธิภาพของ Di2 ขึ้นไปอีก ด้วยการเชื่อมต่อตีนผีกับแบตเตอรี่และสับจานหน้าด้วยสายไฟ เพราะจะทำให้การสั่งการผ่านแต่ละชิ้นส่วนมีความเสถียรมากขึ้น และมีประสิทธิภาพสูงกว่า ให้ความมั่นใจที่มากกว่าเดิม ในขณะเดียวกันก็ลดความยุ่งยากในการติดตั้งและใช้งานลง โดยรวมอุปกรณ์ต่างๆไว้ในตีนผีที่เดียว ทั้ง Junction A, ที่ชาร์จแบตเตอรี่, ตัวส่งสัญญาณ Bluetooth และ ANT+ หรือ D-FLY รวมถึงใช้แบตเตอรี่เพียงแค่ก้อนเดียว เวลาเซอร์วิสจึงทำได้ง่าย

Interface ใหม่

นอกจาก Performance ที่ดีแล้ว เรายังมุ่งมั่นที่จะเสิร์ฟความสบายให้นักปั่นทุกท่าน โดยปรับปรุงดีไซน์ของชิฟเตอร์ให้กระทัดรัดมากกว่าเดิม และยกส่วนฮู้ดให้สูงขึ้น มีพื้นที่ให้สามารถกำชิฟเตอร์ได้เต็ม 3 นิ้ว นอกจากนี้ยังปรับองศาของฮู้ดให้โค้งรับกับข้อมือ จึงได้องศาการวางตัวของข้อมือที่สบายขึ้น แล้วยังปรับปรุงปุ่มเกียร์ให้กดง่ายขึ้นอีกด้วย โดยชิฟเตอร์ในซีรี่ย์ 105 R7100 จะรองรับการเชื่อมต่อด้วยระบบ Wireless เท่านั้น ไม่สามารถเชื่อมต่อด้วยสายไฟได้ ซึ่งการเชื่อมต่อแบบ Wireless ก็ทำให้ส่วนของ Cockpit ดูสะอาดตามากขึ้น ไม่มีสายไฟโยงไปมาให้ดูรุงรัง และยังคงสามารถทำการปรับแต่งแต่งรายละเอียดการเปลี่ยนเกียร์รวมถึงการตั้งค่าปุ่มกดได้ผ่านแอพลิเคชั่น E-TUBE Project เช่นเดิม และสามารถใช้งานได้กับระบบ Disc Brake เท่านั้น โดยไม่รองรับ Rim Brake ต่างกับ DURA-ACE และ ULTEGRA ที่มีให้เลือกใช้งานเบรกทั้ง 2 แบบ

ระบบเกียร์ 12 SPEED

105 R7100 มาพร้อมชุดเกียร์ที่พูดได้ว่าอเนกประสงค์มากที่สุดชุดหนึ่ง กับตัวเลือกเฟืองขนาด 11-34T และ 11-36T จับคู่กับจานหน้าขนาด 50-34T และ 52-36T นอกจากระบบเกียร์ใหม่แบบ 12 SPEED ที่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างรวดเร็ว ในรอบขาที่ลื่นไหลกว่าเดิมแล้ว 105 R7100 ยังให้อัตราทดเกียร์เบาสุดที่ 1:1 ซึ่งเป็นอัตราทดที่ทำให้ปั่นได้ง่ายในจานหน้าใบเล็ก และไม่สูญเสียความสามารถในการทำความเร็วหากใช้จานหน้าใบใหญ่ ส่วนของเฟืองใหม่เองก็ช่วยให้นำไปใช้งานปั่นได้อย่างหลากหลาย เพราะมีเฟืองเล็ก 5 ใบแรกที่เรียงกันละเอียดในขนาด 11, 12, 13, 14, 15 ฟัน ความถี่ของใบเฟืองขนาดนี้จะช่วยให้รอบขายังคงความสมูทแม้จะกดเปลี่ยนเกียร์ รอบขาไม่กระตุก ไม่มีอาการขาวืด จึงปั่นในทางราบได้อย่างสบายและลื่นไหล ในขณะที่ใบเฟืองที่เหลือมีขนาดตั้งแต่ 17 ไปจนถึง 34 ฟัน (ในรุ่น 11-34T) ซึ่งเป็นขนาดที่สามารถนำไปใช้ปั่นไต่เขาได้ไม่มีปัญหาเลย และเฟืองใหม่ 12 SPEED นี้ยังออกแบบโปรไฟล์ส่วนโม่มาให้สามารถใช้งานร่วมกับชุดล้อได้ทั้ง 11 SPEED และ 12 SPEED อีกด้วย

ปรับปรุงระบบเบรก

การมีระบบเบรกที่ดีเป็นส่วนสำคัญอย่างมากในการคอนโทรลรถ และระบบเบรกของ 105 R7100 ก็ถูกพัฒนาลูกสูบใหม่ ทำให้เบรกมีทั้งความละเอียด นุ่มนวล และประสิทธิภาพที่ทรงพลัง เริ่มจากการลดระยะ Free Stroke ที่ชิฟเตอร์ให้สั้นลง จึงทำให้เบรกตอบสนองได้ไวขึ้น แตะเบรกเพียงนิดเดียวก็ทำให้เบรกทำงานได้แล้ว รวมถึงทำให้มีพื้นที่ในการควบคุมเบรกมากขึ้น สามารถไล่ระดับการกดเบรกได้ละเอียดกว่า จึงคอนโทรลรถได้แม่นยำขึ้นอีกด้วย นอกจากส่วนชิฟเตอร์แล้ว ส่วนของคาลิเปอร์เองก็ถูกปรับปรุงให้มีระยะระหว่างผ้าเบรกกว้างขึ้น 10% ซึ่งช่วยลดเสียงที่เกิดจากการเสียดสีเพราะใบดิสก์บิดตัวลงได้ และปรับดีไซน์ช่วยให้การเซอร์วิสง่ายขึ้น โดยสามารถเติมและไล่น้ำมันเบรกได้โดยไม่ต้องถอดคาลิเปอร์ออกจากตัวรถ

ล้อ Full Carbon

แม้จะถูกดีไซน์มาให้เป็นล้อ Non-Series ที่ไม่ได้ประทับตราโลโก้ซีรี่ย์ใด แต่ล้อ RS710 Full Cabon ตัวใหม่นี้ก็จัดอยู่ในคลาสเทียบเท่ากับซีรี่ย์ 105 ก็ว่าได้ โดยได้รับถ่ายทอดเทคโนโลยีมาจากล้อ Full Carbon ซีรี่ย์ DURA-ACE และ ULTEGRA ที่เปิดตัวไปพร้อมชุดขับก่อนหน้านี้ ให้มีทั้งความแอโร่ น้ำหนักเบา และคามแข็งแรงทนทาน เรียกว่ามี Performance ที่ดีครบเครื่อง แต่มาในราคาที่จับต้องได้ง่ายมากขึ้น ล้อ RS710 มีให้เลือกใช้งาน 2 รุ่นคือ C32 ที่มีขอบต่ำ ใช้งานได้ง่าย ปั่นง่าย ให้อัตราเร่งดี นำไปใช้ปั่นไต่เขาได้สบาย และรุ่น C46 ที่มีความสูงของขอบล้อระดับกลางๆ จัดเป็นล้อสาย All-Round ที่น่าสนใจอีกรุ่นหนึ่ง เพราะมีทั้งความแอโร่ และน้ำหนักที่ต่างกับล้อ ULTEGRA เพียงเล็กน้อย ดีไซน์เรียบๆ ที่ไม่ได้ประทับตราซีรี่ย์ไหนเป็นพิเศษนี้เองยังทำให้ได้ลุคเรียบสวย เข้าได้กับชุดกับทุกซีรี่ย์และเฟรมทุกแบรนด์ แล้วยังสามารถใช้งานร่วมได้กับทั้งเฟือง 11 SPEED และ 12 SPEED