SHIMANO XTR M9200 คือผลลัพธ์จากการพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยเพื่อยกระดับสมรรถนะและเพิ่มความมั่นใจให้กับนักปั่นทุกระดับ — ไม่ว่าจะเป็นการไต่เนินสุดโหดหรือการไหลลงเขา ทุกเส้นทางจะกลายเป็นประสบการณ์ที่คุณควบคุมได้อย่างมั่นใจการกลับมาครั้งนี้ มาพร้อมดีไซน์ชุดขับใหม่ที่เฉียบคม ดุดัน และล้ำยิ่งขึ้น พร้อมไฮไลต์ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์นักปั่นสายลุยโดยเฉพาะ โดย SHIMANO พัฒนา XTR M9200 ภายใต้แนวคิด 5 หัวใจหลักที่ตอบสนองความต้องการของนักปั่นระดับโปร ได้แก่:
ระบบเกียร์ไฟฟ้า Di2 ที่แข็งแรง ทนทาน และตอบสนองไวการเปลี่ยนเกียร์ตามหลักสรีระศาสตร์ ที่ง่ายและแม่นยำยิ่งขึ้นระบบเบรกที่สมูทและให้ความมั่นใจสูงสุด ในทุกจังหวะ
ชุดล้อที่เบาที่สุด เพื่อการเร่งและการควบคุมที่ดีเยี่ยมรองรับการใช้งานกับ E-Bike และการแข่งขันในระดับสูงสุดไปดูรายละเอียดของ SHIMANO XTR M9200 Di2 กันเลย!

Concept ในการออกแบบ XTR ใหม่อย่างแรกคือสื่อถึงความแข็งแกร่งของจักรยาน ที่จะพาจักรยานไปได้ทุกที่ทุกสถานการณ์ นั่นก็หมายถึงชุดขับเคลื่อนที่จะต้องเพิ่มความแข็งแรงยิ่งขึ้นนั่นเองแล้วเดี๋ยวเราก็จะได้เห็นถึงความแข็งแรงที่พัฒนาขึ้นของ XTR ใหม่กัน

อีกหนึ่งอย่างคือในเรื่องของผู้ปั่น ที่จะใช้งานชุดขับเคลื่อนที่ง่าย เป็นธรรมชาติที่สุด เพื่อให้ผู้ปั่นได้เปลี่ยนเกียร์ได้โดยไม่มีผลกระทบต่อการควบคุมแต่อย่างใด

DOUBLING DOWN ON SHADOW – SHIMANO SHADOW ES

SHIMANO SHADOW ES คือการพัฒนาเทคโนโลยีตีนผีเวอร์ชันล่าสุดที่ต่อยอดจาก SHADOW เดิมด้วยการออกแบบใหม่ที่ กะทัดรัด ทนทาน และตอบสนองได้ดียิ่งขึ้น รองรับการทำงานร่วมกับระบบ Auto Shift ของ E-MTB สำหรับระบบเกียร์ HG+ 12 สปีด ให้การทำงานอย่างลื่นไหล โดดเด่นด้วยการจัดวางกลไกให้มีประสิทธิภาพสูงสุดในการควบคุมการเคลื่อนไหวของโซ่ ช่วยลดแรงสะเทือนของโซ่จากเส้นทางขรุขระ และทำให้ระบบขับเคลื่อนทำงานได้อย่างมั่นคง แม่นยำในทุกจังหวะ

จากเดิมที่ตีนผี Shimano MTB ใช้ระบบ Stabilizer Switch เพื่อเพิ่มความตึงของโซ่ แต่ในการพัฒนา XTR Di2 รุ่นใหม่ครั้งนี้ SHIMANO ได้เพิ่มความแข็งแกร่งไปอีกขั้น ด้วยการเปลี่ยนมาใช้ ระบบสปริงคู่ (Dual-Spring System) ซึ่งออกแบบมาเพื่อกระจายแรงตึงอย่างสมดุล ลดการสะสมแรงที่อาจเกิดขึ้นในเฟืองใหญ่ที่มักพบในสปริงเดี่ยวแบบเข็ง

อีกหนึ่งจุดพัฒนาใหญ่ของการเปลี่ยนไปใช้ ดีไซน์ Stabilizer ทำให้ตีนผีมีความ low-profile แนบชิดกับตัวเฟรมมากขึ้น ทำให้ช่วยลดโอกาสโดนกระแทก พร้อมกลไกดูดซับแรงกระแทกอัตโนมัติ ขยายความเพิ่มเติมคือ หากตัวตีนผีเกิดการกระแทก ตัวทอร์คที่อยู่ในมอเตอร์จะทำงานโดยจะคืนตำแหน่งได้เองในทันที ทำให้ผู้ปั่นนั้นแทบไม่รู้สึกถึงการสะดุดใด ๆ ขณะใช้งาน

พร้อมเพิ่มแรงตึงของสปริงสูงขึ้นถึง 72% เมื่อเทียบกับ XTR 12SP เกียร์สาย ช่วยให้โซ่นั้นเกาะเฟืองแน่นยิ่งขึ้น ไม่ลอย แม้เฟืองจะสึกหรอ และยังเปลี่ยนเกียร์ได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น

หนึ่งในจุดเด่นที่เห็นได้ชัดเจนคือการเปลี่ยนลูกรอกให้เป็นแบบปิด ซึ่งช่วยลดปัญหาเรื่องสิ่งสกปรก เช่น ดินหรือหญ้า เข้าไปติดขัดในกลไก ลดโอกาสเกิดความฝืดหรือการทำงานที่ผิดพลาดของระบบขับเคลื่อน เป็นการปรับปรุงที่มีผลโดยตรงต่อความเสถียรของระบบเกียร์ระหว่างการแข่งขัน เมื่อเทียบกับรุ่น RD-M9100 ตีนผีใหม่นี้มีการปรับตำแหน่งลูกรอกเข้ามาด้านใน 16 มม. พร้อมเสริมเกราะป้องกันเศษหินและสิ่งกีดขวาง นอกจากนี้ โครงสร้างตัวตีนผีหรือ Case ยังได้รับการออกแบบใหม่ให้มีขนาดที่กว้างและหนาขึ้น เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและรองรับแรงกระแทกได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ลูกรอกอาจกระแทกกับก้อนหินหรือรากไม้ระหว่างการปั่นในเส้นทางเทรล

ระบบแบตเตอรี่ที่เสถียรและประหยัดพลังงานยิ่งขึ้นแบตเตอรี่ถูกติดตั้งไว้ภายในตีนผีอย่างแนบเนียนและปลอดภัยในโครงสร้างที่ปิดล้อมอย่างดี ช่วยป้องกันการเคลื่อนไหวแม้ขณะวิ่งผ่านเส้นทางที่ขรุขระ พร้อมระบบล็อกที่มั่นคงและสามารถถอดออกมาชาร์จได้อย่างสะดวก


ตัวแบตเตอรี่ได้รับการออกแบบให้ทนต่อแรงกระแทกจากภายนอกโดยตรง และแม้จะมีขนาดเล็กแต่ให้ความจุสูงถึง 310 mAh รองรับระยะทางการใช้งานได้ไกลถึง 340 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ทั้งนี้เป็นผลจาก ระบบจัดการพลังงาน (Power Management System) ที่ช่วยประหยัดพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ

ในปัจจุบันนักแข่งในรายการ Enduro World Cup จำนวนมากหันมาเลือกใช้ ตีนผีขาสั้น ร่วมกับ เฟือง 10-45T โดยจับคู่กับ ใบจาน 34T เช่นเดียวกับที่ใช้กับเฟือง 10-51T ซึ่งยังคงให้ความเร็วสูงสุดได้โดยไม่ลดทอนสมรรถนะ แต่ในระดับการแข่งขันสูงสุด เกียร์สำหรับการไต่ขึ้นอาจไม่ใช่ปัจจัยหลักที่นักแข่งให้ความสำคัญ

เฟือง 9-45T จึงกลายเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของระบบขับเคลื่อนจักรยาน ด้วยช่วงเกียร์กว้างถึง 500% นักปั่นสามารถใช้ตีนผีขาสั้นได้โดยไม่สูญเสียช่วงเกียร์ที่จำเป็น ครอบคลุมทุกตำแหน่งเกียร์ พร้อมเพิ่มเสถียรภาพในการขับเคลื่อน เหมาะอย่างยิ่งสำหรับเส้นทางเทคนิคที่ต้องการความแม่นยำและการควบคุมสูง
สุดท้าย ระบบเฟือง 9-45T ยังให้น้ำหนักรวมที่เบากว่าเมื่อเทียบกับเฟือง 10-51T ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบสำคัญสำหรับนักแข่งและนักปั่นสาย XC ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุดในทุกวัตถุประสงค์


Combination ของฟัน 9-45T : 9-11-13-15-17-19-21-24-28-33-39-45T
Combination ของฟัน 10-51T : 10-12-14-16-18-21-24-28-33-39-45-51T

เปรียบเทียบ Combination แบบ Standard และ Compact ก็จะเทียบระยะ ซึ่งแน่นอน ชุด Compact 9-45 ก็จะมีระยะ Clearance ที่เยอะกว่า
ชุดเกียร์ใหม่นั้นได้มีออฟชั่นเฟือง 9-45 ที่มีระยะเกียร์กว้าง และทำความเร็วได้ดีขึ้นในเฟืองเล็ก หรือจะลดขนาดจานหน้าลงเพื่อการไต่ก็ได้ แล้วก็ได้ระยะ Ground Clearance เพิ่มอีกด้วย
หรือจะสนุกกับไต่เขากับเฟืองที่ใหญ่อย่าง 10-51 ที่มีความ All-Round

ชุดจานหน้า XTR M9200 ใหม่มอบความแข็งแกร่งและความน่าเชื่อถือที่เพิ่มขึ้นสำหรับการแข่งขัน ชุดจานหน้า XTR M9200 โดยชุดจานหน้าใช้เทคโนโลยี HOLLOWTECH II ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วของ Shimano ซึ่งให้ความสมดุลใหม่ระหว่างความแข็งแกร่งและน้ำหนัก พร้อมทั้งเน้นย้ำถึงความสามารถในการรับแรงกระแทก

ตัวเลือกใบจาน 28T-38T
ความยาวขาจาน 160mm-175mm

FC-M9220 – ขาจาน Trail/Enduro
ออกแบบให้ทนทานสูง สำหรับการปั่นแบบดุดัน
แกนขาจานเฉพาะ Enduro ให้ การส่งกำลังที่แข็งแรง และ ทนแรงกระแทก
โครงสร้าง HOLLOWTECH II
Q-Factor: 176 มม.
ความยาวขาจาน: 160, 165, 170, 175 มม.
Chainline: 55 มม.

FC-M9200 – ขาจาน XC
ออกแบบให้เบา สำหรับการแข่ง XC
โครงสร้าง HOLLOWTECH II
Q-Factor: 168 มม.
ความยาวขาจาน: 165, 170, 175 มม.
Chainline: 55 มม.

การพัฒนาด้านหลักสรีระศาสตร์ เพื่อการควบคุมที่มั่นใจจาก SHIMANO
SHIMANO ให้ความสำคัญกับการออกแบบที่ยึดหลักสรีระศาสตร์ เพื่อมอบประสบการณ์การควบคุมจักรยานที่มั่นใจและแม่นยำยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการปั่นในสนามแข่งขัน หรือการบุกตะลุยเส้นทางวิบาก การควบคุมที่ดีเริ่มต้นจากจุดสัมผัสระหว่างผู้ปั่นกับจักรยาน และนั่นคือเหตุผลที่ SHIMANO ได้พัฒนาอุปกรณ์ควบคุมให้เข้ากับลักษณะมือ การเคลื่อนไหว และสไตล์การปั่นของแต่ละบุคคล


ในส่วนของมือเกียร์ SHIMANO RAPID ES ได้รับการออกแบบใหม่โดยเน้นให้ผู้ปั่นสามารถวางมือลงในตำแหน่งที่เป็นธรรมชาติ สะดวก และควบคุมได้อย่างเต็มที่ ปุ่มเกียร์และตัวชุดสามารถปรับองศาได้ 4 ทิศทางอย่างอิสระ เพื่อให้สอดรับกับความถนัดของแต่ละคน รวมถึงสามารถปรับเกียร์ผ่านแอป E-Tube Project ได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะในสถานการณ์แข่งขันที่อาจเกิดการล้ม ผู้ปั่นก็ยังสามารถปรับตำแหน่งเกียร์ได้โดยไม่ต้องละมือจากแฮนด์ เพิ่มความมั่นใจแม้ในจังหวะที่ไม่คาดฝัน นอกจากนี้ ยังรองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ และระบบแสดงผลอื่น ๆ เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการควบคุมและติดตามข้อมูลขณะปั่น

ในด้านระบบเบรก SHIMANO ยกระดับการออกแบบให้ล้ำหน้าขึ้นอีกขั้นด้วยเทคโนโลยี ERGO FLOW ซึ่งช่วยให้การดึงเบรกเป็นไปอย่างลื่นไหลและเป็นธรรมชาติมากที่สุด จุดหมุนของก้านเบรกถูกเลื่อนให้ใกล้กับแฮนด์มากขึ้น ทำให้การดึงเบรกสอดคล้องกับแนวนิ้วมือ ลดแรงที่ใช้ในการบีบ และช่วยให้ผู้ปั่นควบคุมจักรยานได้แม่นยำยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ต้องการความรวดเร็วในการตอบสนอง


มือเบรกในรุ่น XTR มีให้เลือกทั้งแบบ XC Brakes ที่เน้นความเบาและดีไซน์เรียบหรู และแบบ Enduro Brakes ที่ออกแบบพิเศษสำหรับนักปั่นสาย Enduro และ Trail ซึ่งต้องการพละกำลังและความทนทานสูง ตัวก้านเบรกยังถูกออกแบบให้มีรูปทรงอสมมาตร เพื่อให้จับได้กระชับมากยิ่งขึ้น รองรับทุกท่าทางการปั่น กระจายน้ำหนักได้ดีขึ้น และเพิ่มความแม่นยำในการควบคุมในทุกจังหวะ


นอกจากนี้ SHIMANO ยังได้พัฒนาเรื่องการจัดการสายเบรกให้เรียบร้อยและสวยงามยิ่งขึ้น ช่วยเสริมภาพลักษณ์ของจักรยานให้ดูสะอาด ทันสมัย พร้อมทั้งเพิ่มฟังก์ชันการปรับระยะก้านเบรก (BL-M9220) ให้สามารถใช้งานได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นนักปั่นมือใหม่หรือนักแข่งมืออาชีพ

การผสานแนวคิดด้านสรีระศาสตร์เข้ากับนวัตกรรมของ SHIMANO ทำให้ผู้ปั่นจักรยานทุกท่านมั่นใจในทุกเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นการเข้าโค้ง การเบรกกะทันหัน หรือการเปลี่ยนเกียร์กลางการแข่งขัน ทุกอย่างถูกออกแบบมาเพื่อให้ “การควบคุมอยู่ในมือคุณ” อย่างแท้จริง

นอกจากรูปลักษณ์ที่ปรับปรุงแล้ว SHIMANO ยังพัฒนาระบบเบรกให้มีความสม่ำเสมอและตอบสนองที่ดีขึ้น ช่วยให้นักแข่งควบคุมจักรยานได้อย่างแม่นยำและสมูท พร้อมแรงเบรกที่นุ่มนวลมากขึ้น ด้วยเทคโนโลยี SERVOWAVE ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเบรกอย่างมีประสิทธิผล


นอกจากนี้ SHIMANO มุ่งมั่นแก้ไขปัญหาเบรกไม่คงที่ ด้วยการออกแบบน้ำมัน LV Oil สูตรใหม่ที่มีความหนืดต่ำและเสถียรในทุกช่วงอุณหภูมิ ส่งผลให้ลูกสูบเบรกทำงานนิ่งและแม่นยำมากขึ้น เหมาะกับทุกสถานการณ์การขับขี่


ทาง SHIMANO ยังปรับขนาดผ้าเบรกให้กว้างขึ้น พร้อมออกแบบรูยึดผ้าเบรกใหม่เพื่อลดช่องว่างระหว่างชิ้นส่วน ช่วยเพิ่มความกระชับ และลดแรงสั่นสะเทือนที่เกิดจากการใช้งานจริง

ต่อมานอกจากชุดขับเคลื่อน ยังมีล้อ MTB คาร์บอนน้ำหนักเบาและทนทาน ที่น่าประทับใจของ SHIMANO ที่เข้ามาเสริมในไลน์อัพผลิตภัณฑ์ XTR M9200 นี้อีกด้วย โดยชุดล้อ XTR นี้มีให้เลือกแบบ XC ที่มีน้ำหนักเบาพิเศษ หรือ แบบ Enduro ที่มีความทนทานยิ่งขึ้น

โดยขอบล้อของชุดล้อนี้นั้น ใช้วัสดุคาร์บอนเต็มรูปแบบ ออกแบบมาให้เหมาะสมกับ XC และ Enduro
– ชุดล้อ XC สเปค XTR มีดีไซน์ขอบแบบ Hook เพื่อให้มีน้ำหนักเบาที่สุดเพียง 1216 g ต่อคู่
– ในส่วนของ Enduro เน้นความแข็งแกร่ง ใช้ขอบแบบ Hookless ที่หนาขึ้นเพื่อลดโอกาสเกิดการเสียรูปทรงและยางรั่ว

สเปค ล้อ
Shimano WH-M9200 ล้อ XC
– มีขอบคาร์บอน Tubeless น้ำหนักเบา
– Hooked rims (ขอบในกว้าง 29.6mm)
– ซี่ล้อ Titanium
-โครงสร้างซี่แบบหัวตรง 24 รู
– ดุมที่ปรับปรุงใหม่ที่ให้ Performance สูง
– ซีลกันน้ำที่พัฒนาขึ้น และให้การเซอร์วิสที่ง่าย
– พัฒนา FREEHUB ใหม่
– รองรับ MICRO SPLINE
– ใช้งานร่วมกับเฟือง 12S HYPERGLIDE+
– ใบดิสก์ Centerlock
– ขนาด 29” หน้า 110×15 หลัง 148×12

Shimano WH-M9220: ล้อ Enduro
– มีขอบคาร์บอน Tubeless น้ำหนักเบา
– Hookless rims (ขอบในกว้าง 30mm)
– ซี่ล้อ Stainless ที่เน้นความทน
– โครงสร้างซี่แบบหัวตรง 28 รู
– ดุมที่ปรับปรุงใหม่ที่ให้ Performance สูง
– ซีลกันน้ำที่พัฒนาขึ้น และให้การเซอร์วิสที่ง่าย
– พัฒนา FREEHUB ใหม่
– รองรับ MICRO SPLINE
– ใช้งานร่วมกับเฟือง 12S HYPERGLIDE+
– ใบดิสก์ Centerlock
– ขนาด 29” หน้า 110×15 หลัง 148×12

นอกจากนี้ทาง SHIMANO ยังปรับปรุงระบบลูกปืนของดุมและซีล เพื่อลดแรงต้านการหมุน และเพิ่มการกันน้ำ

ดุม XTR รุ่นใหม่ได้รับการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพในการส่งกำลังที่ดียิ่งขึ้น โดยลดองศาการจับของระบบ Engagement เหลือเพียง 3.5 องศา จากเดิมที่ 6.7 องศา ทำให้การส่งกำลังมีความแม่นยำและตอบสนองรวดเร็วขึ้น โครงสร้างภายในถูกออกแบบใหม่เพื่อให้สมดุลระหว่างแรงบิดและมุมจับของระบบขับเคลื่อน ส่งผลให้นักปั่นรู้สึกถึงการปั่นที่แน่นและมั่นคงมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเปลี่ยนมาใช้ระบบลูกปืนตลับที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ง่ายเมื่อหมดสภาพ ทำให้การบำรุงรักษาสะดวกขึ้นและช่วยยืดอายุการใช้งานของดุมให้ยาวนานขึ้น

XTR โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่เฉียบคมและทรงพลัง โดยใช้ สีเงินเคลือบเงา เป็นเอกลักษณ์ ทำให้ทั้งชุดขับมีความหรูหราและสะท้อนถึงสมรรถนะระดับสูง นวัตกรรม และการออกแบบที่ลงตัวช่วยให้ XTR ดูโดดเด่น และเสริมภาพลักษณ์ให้กับนักปั่น