ทำไมระบบเกียร์ Hyperglide+ ที่อยู่ในชุดขับเคลื่อน Shimano MTB 12 Speed นั้นต้องทำงานร่วมกัน จึงจะได้ประสิทธิภาพเต็ม 100% ของการพัฒนาระบบเกียร์ใหม่ที่เร็วและนุ่มนวลที่สุด เรามาดูกันแต่ละส่วนเลยว่าระบบขับเคลื่อน Hyperglide+ นั้นพัฒนาอะไรบ้าง แล้วมันดีอย่างไร

ก่อนอื่นนั้นเรามาทำความรู้จักระบบขับเคลื่อนของ Shimano MTB กันก่อน

สำหรับชุดขับเคลื่อน Shimano MTB นั้นมีมาตั้งแต่ปี 1976 เป็นระบบขับเคลื่อน MTB ที่เก่าแก่ที่สุดที่ชื่อว่า Unglide (อันไกลด์) ระบบเกียร์ทำงานได้เร็ว แล้วก็ทนทาน ต่อมาในปี 1988 ได้พัฒนาระบบ Hyperglide (ไฮเปอร์ไกลด์) ให้ระบบเกียร์มีความรวดเร็วและสมูทมากยิ่งขึ้น และระบบเกียร์ Shimano MTB 12 Speed ก็คือ Hyperglide+ (ไฮเปอร์ไกลด์พลัส)
ที่พัฒนาให้การเปลี่ยนเกียร์ขึ้นและลงที่ราบรื่นแม้กระทั่งในขณะที่ส่งกำลังเต็มที่รวมถึงความนุ่มนวลที่เป็นเลิศตามเอกลักษณ์ของ Shimano

สำหรับระบบเกียร์ Hyperglide+ นั้นคือเป็นการพัฒนาของ 3 ชิ้นซึ่งเป็นหัวใจหลักของชุดขับเคลื่อนในการส่งกำลัง และการเปลี่ยนเกียร์ที่สมบูรณ์แบบ นั่นคือ ใบจาน โซ่ และ เฟือง สำหรับ 3 ชิ้นนี้ถือเป็นหัวใจหลักของการเปลี่ยนเกียร์เพราะแรงโหลดต่างๆรวมถึงการส่งกำลังที่ดีจะมาจากการขับเคลื่อนของ โซ่ เฟือง และใบจานดังนั้นระบบเกียร์ Hyperglide+ จึงได้พัฒนา 3 สิ่งนี้ให้มีประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นในทุกด้าน

เรามาเริ่มที่สิ่งแรกคือใบจาน

ใบจานของชุดขับเคลื่อน Shimano 12 Speed ทั้ง 4 ซีรี่ส์นั้นจะมี Profileใบจานที่เหมือนกันแต่จะต่างกันที่วัสดุของแต่ละซีรี่ส์ ใบจานใหม่นั้นมีการทำใบจานที่แตกต่างกับชุดเกียร์รุ่นก่อนหรือแบรนด์อื่นๆ เพื่อการทำงานร่วมกับโซ่ที่สมบูรณ์แบบ 100% โดยใบจานนั้นจะยึดเกาะกับโซ่ที่แน่นขึ้น ทำให้การส่งกำลังที่ต่อเนื่องแม้ในกระทั่งขณะออกแรงขึ้นเนินเต็มที่พร้อมการเปลี่ยนเกียร์ ระบบเกียร์จะทำหน้าที่ได้อย่างราบรื่น

ส่วนสำคัญต่อมาคือ โซ่

โซ่ใหม่นั้นได้พัฒนาให้ข้อต่อด้านในโซ่นั้นมีพื้นที่น้อยลง นั่นหมายความว่าใบจานและโซ่จะมีช่องว่างระหว่างกันน้อยลง ทำให้การยึดของโซ่ที่แน่นมากขึ้น ทำให้ทุกการเปลี่ยนเกียร์และการส่งกำลังมีประสิทธิภาพมากขึ้นและโซ่นั้นจะมีความนิ่งมากขึ้น โดยตอนติดตั้งโซ่เข้ากับใบจานใหม่นั้น ให้นำข้อโซ่นอกลงที่ฟันของใบจานที่ใหญ่ (ลักษณะฟันของใบจานใหม่จะเป็นใหญ่สลับเล็ก) โซ่จะลงล๊อกกับใบจานในตำแหน่งที่ถูกต้องเพื่อการทำงานที่สมบูรณ์แบบ

ส่วนสำคัญสุดท้ายคือ เฟืองหลัง

ตัวเฟืองหลังนั้นได้ทำการปรับเปลี่ยน Profile ใบฟันและร่องของเฟืองใหม่เพื่อการทำงานของโซ่ทั้งขึ้นและลงที่เร็วขึ้นและการทำงานที่สมูทมากขึ้น คุณจะเปลี่ยนเกียร์จังหวะไหนก็ได้ตามที่คุณต้องการไม่ว่าจะเปลี่ยนเกียร์ในขณะที่สปิ้นขึ้นเนิน ในทุกสภาพเส้นทาง ระบบเกียร์ใหม่จะทำหน้าที่ร่วมกันได้อย่างดีที่สุดและไม่มีข้อผิดพลาดในการเปลี่ยนเกียร์

หน้านี้จะแสดงให้เห็นถึงการเปรียบเทียบความเร็วของชุดขับเคลื่อน Shimano MTB 10-11 Speed รุ่นก่อนหน้าที่เป็นระบบขับเคลื่อน Hyperglide และชุดขับเคลื่อน Shimano MTB 12 Speed ใหม่ ที่เป็นระบบ Hyperglide+ ใหม่ จากกราฟจะเห็นว่าระยะเวลาตั้งแต่การกดเปลี่ยนเกียร์ในตำแหน่งเดียวกันนั้นระบบเกียร์ Hyperglide+ จะทำได้เร็วกว่าค่อนข้างเยอะ โดยใช้เวลาเพียง 1ใน3 ของระบบเกียร์ Hyperglide โดยส่วนปลายของคลื่นนั้นแสดงให้เห็นว่าเกียร์ได้ลงตำแหน่งของเฟืองแล้ว

ส่วนกราฟนี้จะแสดงให้เห็นถึงการเปรียบเทียบความสมูทราบรื่นของการเปลี่ยนเกียร์ โดยสังเกตจากคลื่นสีที่มีความสูงต่ำที่ไม่เท่ากันโดยคลื่นยิ่งต่ำนั้นยิ่งสมูทและราบรื่น จากสีนั้นระบบเกียร์ Hyperglide+ ที่จะมีความสมูทที่มากกว่าค่อนข้างเยอะ

(สามารถดู VDO ความแตกต่างได้จากลิ้งนี้ : https://youtu.be/Z5I33ohEJrk)

นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าระบบเกียร์ Hyperglide+ นั้นออกแบบการทำงานร่วมกันของโซ่ จาน และ เฟืองจึงจะได้ประสิทธิภาพการทำงานของเกียร์ 100% ถ้าหากชิ้นใดชิ้นหนึ่งที่ไม่ใช่ Shimano ใช้แบรนด์อื่นๆที่มี Profile ใบฟันเฟืองที่ไม่เหมือนก็จะทำให้การยึดเกาะของทั้ง 3 ชิ้น ไม่สมบูรณ์แบบทำให้การเปลี่ยนเกียร์ที่ด้อยลงและการส่งกำลังประสิทธิภาพลดลง

ระบบเกียร์ Hyperglide+ นั้นจะอยู่ในชุดขับเคลื่อน Shimano MTB 12 Speed ใหม่ในทุกซีรี่ส์คือ XTR M9100 / XT M8100 / SLX M7100 / DEORE M6100 สำหรับใบจาน เฟือง โซ่นั้นสามารถใช้งานร่วมกันได้ทั้งหมด

ค้นหาร้านค้าตัวแทนจำหน่าย https://hahhong.com/dealer/
รายละเอียดสินค้า Shimano https://hahhong.com/products/shimano/
ติดตามข่าวสารและโปรโมชั่นอื่นๆ https://www.facebook.com/hahhongth/